นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้แจ้งในที่ประชุม ครม.ให้รับทราบกรณีประธานสภา ส่งคำร้อง ส.ส.ฝ่ายค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกฯ รวมเวลาเกิน 8 ปี ตามมาตรา 170 วรรคสองและมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมวันที่ 24 ส.ค. ซึ่งตามปกติของศาลอาจสั่งรับหรือไม่รับคำร้องก็ได้ แต่ตนคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับคำร้องในเรื่องนี้
ถ้าศาลรับเรื่องจะตามมาด้วย สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่อาจไม่ได้สั่งในวันที่ 24 ส.ค. เนื่องจากมีกระบวนการไต่สวน 2-3 วัน ถ้าศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯ ต้องหยุด และมีผู้ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทนตามที่เรียงลำดับเอาไว้ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการ แต่ถ้าศาลสั่งว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือไม่ได้พูดอะไร พล.อ.ประยุทธ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าน่าจะเร็ว
“หลังจากผมชี้แจงเสร็จแล้ว ท่านนายกฯ บอกว่าไม่ได้กังวลอะไร ท่านขอบคุณ ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล จะเป็นอย่างไรก็ให้ ครม.ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และในระหว่างรอคำวินิจฉัย ไม่มีข้อควรระวังอะไร และขอให้ทุกคนทำหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอะไร และไม่ได้พูดเรื่องม็อบ” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในระหว่างนี้ ขอให้ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรเสี่ยงและผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าศาลจะสั่งให้หยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือไม่ว่าปฏิบัติหน้าที่ไปสักระยะแล้วศาลมีคำวินิจฉัย สมมุติว่าครบ 8 ปี พ้นไปตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. แม้ ครม.จะพ้นไปด้วย ก็ไม่มีปัญหา เพราะยังรักษาการได้ และยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ส่วนเมื่อไปถึงตอนนั้นศาลวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง รัฐบาลสิ้นสุดลง แม้ในทางกฎหมายจะรักษาการได้ แต่จะรักษาการหรือไม่ ในทางปฏิบัติขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่โดยปกติก็ไม่ควร ซึ่งอาจให้บุคคลอื่นปฏิบัติหน้าที่แทน โดยประธานสภาต้องดำเนินการหาบุคคลใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีเดิมที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอ ทุกอย่างเดินไปตามปกติ ส่วนการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและการและงบประมาณให้ทำได้ไปตามปกติ แต่ใครที่หยุด ไม่ทำอะไร และเกียร์ว่าง อาจขัดกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
