น.ส.กุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (สมาคมอีคอมเมิร์ซไทย) และประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทค อี-บิสสิเนส เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยหลังรับตำแหน่งว่า สมาคมฯ พร้อมที่จะ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยเข้าสู่โลกตลาดออนไลน์ เพื่อนกระดับอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย เริ่มตั้งแต่การเสริมแกร่ง ให้ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นเครื่องมือ เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ ร่วมถึงการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม ระหว่างผู้ประกอบการค้าออนไลน์ในไทยและต่างประเทศโดยสมาคมฯหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจไทยด้านดิจิทัลเติบโต ภายใต้ความร่วมมือและสนับสนุนจากพันธมิตรทุกภาคส่วน
“ ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายย่อย โดยในปี 65 นี้ คาดว่า ตลาดจะมีมูลค่าประมาณ 8.1 แสนล้านบาท และคาดว่าใน 3 ข้างหน้า หรือ ปี 68 ตลาดจะเติบโตขึ้นไปถึง 4 ล้านล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย ปีละ 75% ใน 3 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยจาก พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป คุ้นชินกับการซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็หันมาใช้ช่องทางขายออนไลน์มากขึ้น พัฒนาช่องทางการสั่งซื้อและชำระเงินที่ง่ายและสะดวกเพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สั่งซื้อได้”
ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทธุรกิจ พบว่าธุรกิจที่มีมูลค่าเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ อันดับที่ 1 ประเภทธุรกิจ e-Commerce / Shopping Online โดยคาดการณ์การเติบโตกว่า 128.5% ในปี 68 โดยมีมูลค่าสูงถึง 120,000 ล้านบาท อันดับที่ 2 ประเภทธุรกิจการท่องเที่ยวออนไลน์ โดยคาดการณ์การเติบโตกว่า 29.91% โดยมีมูลค่าสูงถึง 29,000 ล้านบาท ในปี 68 อันดับที่ 3 ประเภทธุรกิจการขนส่งและบริการส่งอาหาร โดยคาดการณ์การเติบโตกว่า 22.37% โดยมีมูลค่าสูงถึง 18,000 ล้านบาท ในปี 68
รวมทั้งตัวเลขอัตราการเติบโตของประเภทสินค้าและบริการในหมวดต่าง ๆ เปรียบเทียบในช่วงก่อนและหลังการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อโควิด 19 พบว่ามีความถี่ในการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นทั้งในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีความถี่ในการบริโภคสูงขึ้นจาก 22% เป็น 62% หมวดสินค้าด้านความงามมีความถี่ในการบริโภคสูงจาก 33% เป็น 45% และหมวดสินค้าเครื่องเเต่งกายมีความถี่ในการบริโภคสูงจาก 39% เป็น 45% เป็นต้น
น.ส.กุลธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ทางสมาคมฯยังมีแผนผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถนำสินค้าขายออนไลน์ ไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันสินค้าไทยได้รับการยอมรับมากยื่ง โดยจะร่วมกับภาครัฐ คือ กระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังจะร่วมือกับทาง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ในการทำบิ๊กดาต้า เป็นฐานข้อมูลกลางสำหรับเรื่อง อีคอมเมิรซ์ นอกจากนี้ก็จะยังมีการร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออบรมนักศึกษาเพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอึคอมเมิร์ซในอนาคต รวมถึงเรื่องหลักสูตรต่างๆด้วย