พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สายตรงถึงน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศึกษา) แสดงความเป็นห่วงกรณีเกิดเหตุการณ์เด็ก7ขวบเสียชีวิตในรถรับส่งนักเรียนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ย้ำให้ความสำคัญและเร่งเข้าไปแก้ปัญหา โดยขอให้ดึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน เพื่อถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น กำหนดมาตรการต่างๆ รองรับไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
.
พล.อ.ประวิตร กำชับให้กระทรวงศึกษาฯ ประสานตำรวจเข้าไปสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง และลงไปช่วยเหลือดูแลครอบครัวเด็กนักเรียนที่เสียชีวิต เพื่อกำหนดมาตรการและร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับเด็กเล็กที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ต่อไป
.
ด้านน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศึกษา) มอบหมายให้นายพีรศักดิ์ รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ลงพื้นที่โรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อรับทราบข้อเท็จจริง พร้อมกับสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เป็นความบกพร่องของใคร
.
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า การใช้รถโรงเรียนรับ-ส่งนักเรียน ทางโรงเรียนได้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 หรือไม่ นโยบายความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของ ศธ. สถานศึกษาทุกแห่งทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชนจะต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงอาชีวศึกษา และที่ผ่านมาได้มีการส่งหนังสือเวียนกำชับเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถโรงเรียนแล้ว
.
ในข้อ 11 ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 กำหนดให้ผู้ควบคุมดูแลนักเรียนมีหน้าที่ ดังนี้
.
1. ตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่รับ-ส่ง แต่ละเที่ยวให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อนักเรียนพร้อมทั้งจัดทำบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ใช้บริการ
.
2. ประจำอยู่กับรถโรงเรียนตลอดเวลาที่รับ-ส่งนักเรียน เพื่อควบคุมดูแล และช่วยเหลือนักเรียนให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
.
3. รายงานให้ทางโรงเรียนทราบทันทีที่เกิดอุบัติเหตุหรือมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น เข้ารับการอบรมตามที่โรงเรียนหรือผู้ดำเนินกิจการรถโรงเรียนกำหนด