“ฮีทสโตรก” ทำเด็กติดรถเสียชีวิต อย่าเข้าใจผิดว่า ขาดอากาศหายใจ!! เปิดกระจกทิ้งไว้ก็ไม่ช่วย
จากกรณีที่ น้องจีฮุน อายุ 7 ปี เด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เสียชีวิตในรถตู้รับส่งของโรงเรียน ซึ่งเหตุสลดที่เกิดขึ้น เป็นข้อถกเถียงในสังคม ว่า สาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรือ อ.เจษฎ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ย้ำประเด็น “การเสียชีวิตของเด็กที่ติดในรถ” นั้น มาจากการที่อุณหภูมิรถสูงมากเกินไป จนเกิดอาการฮีตสโตรก และทำให้ระบบภายในร่างกายล้มเหลว ไม่ใช่เรื่องของการขาดออกซิเจน ขาดอากาศหายใจ อย่างที่เชื่อกัน
เด็กที่ถูกทิ้งในรถที่จอดกลางแดด จะเสียชีวิตจากภาวะฮีทสโตรก (heat stroke) ไม่ใช่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เพราะอุณหภูมิในรถสามารถสูงขึ้นได้เร็วมาก และเด็กจะทนต่อภาวะนี้ได้น้อยกว่าผู้ใหญ่
1.) เด็กถูกทิ้งในรถจนเกิดภาวะฮีทสโตรก (heat stroke) หรือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มมากกว่าปกติได้ เป็นปัญหาที่พบในหลายประเทศ โดยที่อเมริกาพบได้ 30-60 รายต่อปี
2.) ภาวะฮีทสโตรก (heat stroke) จะพบง่ายในเด็ก และ คนชรา เนื่องจากการปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนกลุ่มนี้ทำได้ยากกว่าคนกลุ่มอื่น
3.) มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า แม้อุณหภูมิภายนอกจะแค่ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส การจอดรถทิ้งไว้กลางแดดช่วงกลางวันก็ทำให้อุณหภูมิในรถสูงถึงเกือบ 60 องศาเซลเซียสได้
แสดงให้เห็นว่า อุณหภูมิในรถที่จอดกลางแดดจะสูงขึ้นถึงระดับอันตราย แม้อากาศภายนอกไม่ได้ร้อน
4.) มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า อุณหภูมิในรถที่จอดทิ้งไว้ในกลางแดดจะสูงได้ถึง 70 องศาเซลเซียส และถึงแม้จะแง้มหน้าต่างไว้ประมาณสองนิ้ว อุณหภูมิก็ยังสูงได้เท่านี้เช่นกัน หรือถึงเปิดหน้าต่างทั้งหมดก็ยังสูงได้ถึง 50 องศาเซลเซียส
ดังนั้นการปล่อยเด็กไว้ในรถที่จอดกลางแดด แม้จะเปิดหน้าต่างไว้ ก็อันตรายมาก ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
5.) มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า อุณหภูมิในรถที่จอดทิ้งไว้กลางแดด สามารถสูงขึ้นได้เร็วมาก แค่เพียง 5 นาทีก็สูงถึง 75% ของอุณหภูมิสูงสุดแล้ว และภายใน 15 นาทีจะถึงจุดที่อุณหภูมิในรถสูงสุด และอีกงานวิจัยพบว่า การที่เด็กอยู่ในรถที่จอดกลางแดดเพียง 20 นาที (อุณหภูมิตั้งต้น 28 องศาเซลเซียส) ก็ทำให้เด็กอยู่ในภาวะที่อันตรายแล้ว
ดังนั้นการปล่อยเด็กในรถไว้ไม่นาน ไม่เกินชั่วโมง ก็อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้
6.) การวินิจฉัยกรณีตายจากฮีทสโตรก ทางแพทย์นิติเวชจะใช้ประวัติและสภาพแวดล้อมในการช่วยวินิจฉัยเป็นหลัก โดยการผ่าศพให้ข้อมูลได้น้อย เพราะการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันทีทำให้การเปลี่ยนแปลงในร่างกายยังมีน้อย ทั้งนี้การวัดอุณหภูมิของศพอาจช่วยได้ แต่ควรตรวจเทียบกับอุณหภูมิในที่เกิดเหตุ
7.) สุดท้ายขอเน้นว่า ความเข้าใจผิดว่าเด็กถูกทิ้งในรถจะตายจากขาดอากาศหายใจควรแก้ไขนะครับ เพราะจะทำให้คิดว่าเราสามารถปล่อยเด็กทิ้งในรถที่เปิดหน้าต่างแง้มไว้ได้ ซึ่งมันทำไม่ได้และอันตรายมากแม้จะไม่ถึงชั่วโมง
8.) กรณีนี้ ใช้กับการทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถด้วย หนังสือนิติเวชก็เขียนเรื่องนี้ไว้ชัดมากว่าทำให้เสียชีวิตได้
อ.เจษฎ์ ได้ยกคำสัมภาษณ์ของ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เคยใหhข้อมูลไว้ว่า ส่วนใหญ่เด็กจะเสียชีวิตจากความร้อนภายในที่สูงขึ้น ซึ่งใช้เวลาเพียง 5 นาที อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้น จนไม่สามารถอยู่ในรถได้ หากอยู่ในรถผ่านไป 10 นาที ร่างกายจะแย่ และภายใน 30 นาทีถึงขั้นเสียชีวิต
ดังนั้น การจอดรถแล้วแง้มกระจกไว้บ้างเพื่อให้มีอากาศหายใจ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าอุณหภูมิในรถร้อนขึ้น ก็เป็นอันตรายอยู่ดี ทางที่ดีที่สุดคือ ห้ามทิ้งเด็กไว้คนเดียวในรถเด็ดขาด