เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่ศูนย์การค้าเดอะคริสตัล เอกมัย – รามอินทรา กรุงเทพฯ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( ผบช.น.) ชมการฝึกซ้อมแผนแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤตและการเผชิญเหตุ รองรับสัปดาห์การประชุมผู้นำเอเปค 2565 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2565
โดยมีคณะผู้แทนสำนักงานรักษาความมั่นคงทางการทูต สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ,สำนักงานรักษาความมั่นคง ทางการทูต สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล(ศตก.) กองทัพไทย ร่วมชม
โดยแผนเผชิญเหตุในสถานการณ์วิกฤต เป็นการฝึกซ้อมเสมือนจริง ในสถานการณ์สมมติเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุกราดยิง ที่หน้าศูนย์การค้า และยกระดับเป็นจับตัวประกัน โดยถอดบทเรียนจากหลายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เช่น กรณีที่ศูนย์การค้าเทอมินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา
ในปฏิบัติการครั้งนี้ยังจำลองสถานการณ์ คนร้ายหลบซ่อนตัวในศูนย์การค้า หน่วยปฏิบัติการพิเศษเปิดปฏิบัติการค้นหา ใช้เครื่องมือโดรนตรวจสถานการณ์ โดรนจับความร้อน ใช้รถควบคุมสั่งการ หรือ Mobile CCOC การเชื่อมต่อข้อมูลกล้อง CCTV การอพยพช่วยเหลือประชาชน การยิงต่อสู้ การซุ่มยิงระยะไกล การควบคุมสถานการณ์บริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ การเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บในสถานการณ์ฉุกเฉิน การตรวจค้นรถคนร้าย การตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด ใช้หุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด การใช้รถถังนิรภัยเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด การตรวจที่เกิดเหตุโดยสุนัขตำรวจ
การซ้อมแผนฯ ครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากศูนย์การค้าเดอะคริสตัล เอกมัย – รามอินทรา กรุงเทพฯ โดยมีพนักงาน ผู้ค้าในศูนย์การค้าฯ รวมถึงประชาชนที่มาท่องเที่ยวในศูนย์การค้า
พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้น่าพอใจ จุดประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรับสัปดาห์การประชุมผู้นำเอเปค 2565 เพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ระดับสถานีตำรวจ และสร้างความมั่นใจต่อนานาชาติ ว่าตำรวจไทยเตรียมตัวอย่างดี และมีศักยภาพในการดูแลความสงบเรียบร้อย
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า การฝึกซ้อมเพื่อสร้างความพร้อม สร้างทักษะให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยโดยเฉพาะระดับโรงพักที่ต้องเป็นตำรวจคนแรกที่ประสบเหตุ ต้องทำงานได้ภายใต้เครื่องมือที่มีอยู่จริง โดยการฝึกครั้งทำให้เห็นว่ายังมีช่องว่างเล็กน้อยในการปฏิบัติการสื่อสาร ซึ่งจะนำไปปรับปรุง แก้ปัญหาต่อไป โดยการเลือกฝึกซ้อมในสถานที่ศูนย์การค้า เพื่อให้เห็นสถานการณ์จริง เป็นพื้นที่ยากต่อการควบคุม มีประชาชนเดินจับจ่าย ต้องใช้คนจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตำรวจได้หลักคิด นำวิธีไปปรับใช้ในสถานการณ์จริง นอกจากเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติแล้ว ยังสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เมื่อตกอยู่ ในสถานการณ์วิกฤตสามารถเข้าใจ เรียนรู้ ป้องกัน และเอาตัวรอด รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
“ยืนยันว่าในนามรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่าย ตำรวจ เหล่าทัพ ได้พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ในส่วนเรื่องความปลอดภัย เราพร้อม ขอให้มั่นใจ” ผบ.ตร. กล่าว