“ตร.แสบ” สารภาพสิ้นขโมยปืนหลวง 120 กระบอก !!! เหตุติดพนันงอมแงม

พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าขโมยปืนหลวงจริง ตอนนี้ รู้เป้าหมายที่นำไปขายแล้วประมาณ 9 จุด เป็นลักษณะทั้งรายบุคคลและร้านค้าที่รับซื้อ จากข้อมูลตอนนี้มีเพียงแค่ปืนอย่างเดียวไม่มีกระสุนปืน ปืนที่หายไปคือปืนกล็อก , ปืนซิกซาวเวอร์ และปืนลูกโม่ ส่วนปืน M4 อยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่ง ด.ต.เชาวลิต นำไปขายและจำนำกระบอกละประมาณ 20,000 บาท เท่าที่ถามคือต้องการนำเงินไปเล่นการพนัน 

เมื่อถามว่า คนที่รับซื้อแล้วนำปืนมาคืนมีความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.พนัญชัย ระบุว่า “โทษหนักก็จะเป็นเบา ถ้าโทษเบาก็อาจจะกันไว้เป็นพยาน ถ้ารีบมาภายใน 2-3 วันนี้”

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว มีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธโรงปืน ของ สภ.ปากเกร็ด จากนี้ต้องขยายผลต่อไปว่ามีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ โดย ผกก.สภ.ปากเกร็ด ไล่ตรวจสอบอาวุธปืนจนทราบว่า ปืนหายไปจำนวนมาก ประมาณ 120 กว่ากระบอก แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่ามากกว่า 120 กระบอก ซึ่งตัวผู้ต้องหาเองหมดปัญญาจะเอาปืนมาคืน จึงหลบหนีไปอยู่แถวชายแดนได้ 7-8 วันแล้ว แต่ข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อบ้านไม่ได้ จนถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้บังคับบัญชาไล่ลงมาตั้งแต่ ผกก. , รอง ผกก.ป.มีความบกพร่องในหน้าที่ ปล่อยปละละเลย ทั้งๆ ที่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้ที่ จ.ระยอง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนเก่า และตนสมัยเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เคยกำชับเป็นหนังสือกันเรื่อยมา แต่ก็ยังเกิดขึ้นอีก โดยพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์. ผบ.ตร. กำชับต้องตามปืนกลับมาให้ครบ โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันเหตุร้าย

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ระหว่างที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่นั้น ตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาว่า มีประชาชนนำปืนที่รับซื้อไปมาวางคืนไว้ที่หน้าสโมสรตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปนำปืนดังกล่าว ซึ่งบรรจุไว้ภายกระเป๋าเดินทางสีแดงเลือดหมูขนาดใหญ่ ลงมายังห้องสอบปากคำ

ภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ผู้ต้องให้การรับสารภาพทั้งหมด และให้การเป็นประโยชน์ ว่า เอาปืนไปขายและจำนำที่ไหน อย่างไรบ้าง ผู้ต้องหาระบุว่าทำแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว ซึ่งการนำปืนออกมา นำออกมาทีละ 2-3 กระบอก ซึ่งเป็นจำนวนน้อย ไม่จำเป็นต้องหลบหลีก ถ้าหากผู้บังคับบัญชาไม่ตรวจสอบโดยละเอียด ก็จะไม่รู้ว่าปืนหายไป

เมื่อถามว่าหากผู้ต้องหาทำแบบนี้มา 4-5 ปี ช่วงที่ปรับเปลี่ยนผู้บังคับบัญชา ไม่มีการตรวจสอบเลย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียน ต้องเป็นบทเรียนให้หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้กำกับทุกสถานี ต้องเข้มงวดกวดขัน จริง ๆ แล้วตามหลัก มีกฎเกณฑ์อยู่แล้วแต่ขึ้นอยู่กับคนปฏิบัติ และความใส่ใจ จากนี้ต้องตื่นตัวกับทุกเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาวุธปืน แต่อาวุธปืนถือเป็นสิ่งอันตราย  เมื่อไปอยู่ในมือของคนไม่ดี ก็อาจจะใช้นำไปก่อเหตุอาชญากรรมหรือเหตุต่าง ๆ ได้ และจากนี้หากพบว่าผู้กำกับคนไหนมีความบกพร่อง ก็จะมีหนังสือสั่งย้ายทันที พร้อมยอมรับว่า วันนี้ความเชื่อมั่นของประชาชนอาจจะไม่ไว้วางใจ แต่ตำรวจก็ต้องทำให้มีหลักเกณฑ์ กติกา ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อบกพร่องต้องลงโทษตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายใน 2-3 วัน จะสามารถนำปืนกลับมาได้จนครบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมค้นหาตั้งแต่คืนที่ผ่านมา และจะทำการสอบสวนให้แล้วเสร็จ และนำฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีวันนี้ก่อนเวลา 12.00 น.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ระบุอีกว่า ตอนนี้ได้ปืนกลับคืนมาแล้ว 27 กระบอก จากการที่มีประชาชนนำมาวางไว้ที่สโมสรตำรวจ แต่ยังไม่ทราบว่าใครนำมาวางไว้ แม้ว่ายังไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่เจ้าหน้าที่สามารถไล่ดูได้หมดอยู่แล้วว่าเป็นใคร ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ต้องรอให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบโดยละเอียดทั้ง DNA , ลายพิมพ์นิ้วมือ ลายพิมพ์ฝ่ามือ ฯลฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ฝากถึงประชาชนที่รับซื้อปืนไป ที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ สามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำปืนมาคืนได้ ทางตำรวจก็จะได้สอบปากคำว่ารับไว้ด้วยเจตนาใด แต่เบื้องต้นมีความผิดอยู่แล้ว  เช่น ข้อหารับของโจร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง