ยอดติดเชื้อโควิด19 ลดลง แต่ยังพบผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ในกลุ่ม 608 และเด็กเล็ก

กรมควบคุมโรค ชวนประชาชนฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และ เด็กเล็ก โดยจับมือภาคีเครือข่ายเร่งค้นหาเชิงรุกและขยายกลุ่มเป้าหมายการฉีดรวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบคลุม ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไทยพบจำนวนผู้ป่วยโควิดลดลง แต่ยังพบผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ในกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือยังไม่ได้เข็มกระตุ้น พบฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุมเพียงร้อยละ 46.5

โดยพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรง คือ อาการปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ จาก ร้อยละ 60 ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น ร้อยละ 83 ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็ม และเป็น 100% ในผู้ที่ได้รับ 4 เข็ม ด้านการป้องกันการเสียชีวิตจาก ร้อยละ 72 ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็นร้อยละ 93 ในผู้ได้รับครบ 3 เข็ม และเป็น 100% ในผู้ได้รับ 4 เข็ม จากคำแนะนำของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แนะให้ประชาชนทุกคนรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เพราะเมื่อฉีดวัคซีนไปสักระยะหนึ่ง ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามธรรมชาติ การฉีดเข็มกระตุ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยลดการป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ จึงให้ประชาชนมาฉีดเข็มกระตุ้นทุก 3-4 เดือนขึ้นไป

ด้าน นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการเร่งรัดการฉีดวัคซีน โดยขยายไปยังทุกกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ค้นหาเชิงรุกกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดฉีดเด็กนักเรียนในโรงเรียน และในเดือนนี้จะขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กเล็กอายุ 6 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ปี โดยจัดฉีดวัคซีนเชิงรุกในศูนย์เด็กเล็ก หรือสถานสงเคราะห์เด็กที่มีโอกาสติดเชื้อและแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน ย้ำประเทศไทยมีวัคซีนเพียงพอสำหรับคนทุกคน จึงขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่งจัดกิจกรรมรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเพิ่มช่องทางบริการWalk in หรือมีหน่วยฉีดเชิงรุก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการฉีดวัคซีนได้ง่ายและพร้อมกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง