จากข้อวิจารณ์ของนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าการย้ายขบวนรถ 52 ขบวน จากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ยังไม่มีความพร้อม และเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มภาระให้ประชาชนนั้น
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” มีความพร้อมและเปิดให้บริการแก่ประชาชนมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งบริการรถไฟชานเมืองสายสีแดงรวมถึงการเปิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะเวลาถึง 447 วัน มีประชาชนเข้าถึงบริการวัคซีนมากถึง3.5 ล้านคน ดังนั้น การที่ระบุว่าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่มีความพร้อมจึงไม่ถูกต้อง เพราะมีผู้เข้าใช้บริการแล้วนับล้านคน และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันให้บริการแก่ประชาชนผู้โดยสาร ทั้งรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟที่ออกแบบเพื่อมวลชน(Universal Design) สะดวกสบาย ปลอดภัย ครอบคลุมทุกคนเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการสร้างให้มีชานชาลาสูง (110 ซม.) สะดวกต่อการขึ้นลงขบวนรถ โดยพื้นชานชาลาอยู่ระดับเดียวกับพื้นรถ
นอกจากนี้ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยังได้เป็นต้นแบบสถานีอัจฉริยะ 5G แห่งแรกในอาเซียน ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยจำนวนมาก อาทิ หุ่นยนต์ต้อนรับ SRT BOT วีลแชร์นำทางอัจฉริยะ กล้องวงจรปิดอัจฉริยะดูแลความปลอดภัย บันไดเลื่อน เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ศูนย์อาหาร ที่จอดรถสำหรับคนพิการ ลิฟท์ ห้องสุขาที่ทันสมัย รวมถึงมีระบบปรับอากาศของชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร และจุดพักรอ เป็นต้น
สำหรับการย้ายขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน จากสถานีหัวลำโพงไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เป็นการดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่จะให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางของประเทศ โดยเป็นแผนที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีแล้วตามที่ครม. ได้มีการอนุมัติโครงการเมื่อปี 2553 และเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2556 ที่สำคัญอยู่ในช่วงที่นายประภัสร์ฯ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ ด้วย และยังสนับสนุนการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อหรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ รวมถึงเป็นผู้มีส่วนร่วมในการแก้แบบสถานีกลางบางซื่ออีกด้วย
การรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และได้มีการบูรณาการความร่วมมือจัดสิ่งอำนวยความสะดวกดูแลการเดินทางของประชาชนระหว่างทั้ง 2 สถานีอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่าย โดยมีมาตรการช่วยเหลือดูแลผู้โดยสารทั้งรถไฟฟ้า และรถโดยสารสาธารณะฟรี ดังนี้
– ผู้ใช้บริการรถโดยสายทางไกล (กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว) ที่ซื้อตั๋วโดยสาร ลงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ประสงค์จะลงสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน สามารถใช้ตั๋วโดยสารเดิมขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีดอนเมืองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปี
– ผู้ใช้บริการรถโดยสารเชิงสังคม สามารถใช้ตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน โดยต้องเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วประเภทตั๋วเดือน ในสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน ที่หยุดรถ กม.19 ที่หยุดทุ่งสองห้อง และที่หยุดรถ กม.11 ที่รถไฟไม่จอดให้บริการ
การรถไฟฯ ยังประสานกับ ขสมก. จัดรถ Shuttle Bus และรถประจำทาง รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรถไฟรายทาง ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีหัวลำโพง เหมือนนั่งรถไฟปกติ โดยให้บริการฟรี2 เส้นทาง ซึ่งผู้โดยสารสามารถแสดงตั๋วรถไฟต่อพนักงานเก็บค่าโดยสารเมื่อใช้บริการ โดยขึ้นรถได้ที่ประตู 12 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และป้ายรถเมล์สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
การรถไฟฯ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า โดยปกติขณะที่มีการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกลมายังสถานีหัวลำโพง ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะมีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะอื่นเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปที่หมายอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเฉพาะการย้ายมาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ในช่วงเริ่มอาจต้องปรับตัวบ้างเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับเส้นทางเท่านั้น ซึ่งยืนยันบริเวณโดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีระบบคมนาคมขนส่งที่ครบถ้วนทุกระบบ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถโดยสารสาธารณะ จึงมั่นใจได้ว่าในอนาคต สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จะเป็นสถานีปลายทางที่ประชาชนได้รับความสะดวกไม่น้อยกว่าสถานีหัวลำโพงอย่างแน่นอน