กรณีข้อเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ราคาข้าวตกต่ำ โดยข้าวเปลือกหอมมะลิคุณภาพดี เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 12 บาท ขณะที่ข้าวเหนียวราคากิโลกรัมละ 60 บาท
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม กำหนดเป้าหมายรายได้เกษตรกรให้สามารถมีรายได้จากผลผลิตทางเกษตรที่มีคุณภาพในสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ด้วยการชดเชย การประกันรายได้ เพื่อเป็นหลักประกันและป้องกันความเสี่ยงให้เกษตรกรมีรายได้ที่เหมาะสมโดยไม่เป็นการแทรกแซงกลไกตลาด
กรณีข้าวเปลือกหอมมะลิ ปัจจุบันอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต มีราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสด ความชื้น 28 – 30 เปอร์เซ็นต์ ตันละประมาณ 12,000 – 13,500 บาท หรือหากคิดเป็นข้าวเปลือกหอมมะลิที่มีความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรจะจำหน่ายข้าวเปลือกได้ที่ตันละ 15,000 – 17,000 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาที่รัฐบาลประกันรายได้ อย่างไรก็ตาม แม้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจะมีราคาดี แต่รัฐบาลยังคงมีนโยบายในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โดยดำเนินมาตรการคู่ขนานไปกับโครงการประกันรายได้ เพื่อจูงใจให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เก็บข้าวไว้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 – กุมภาพันธ์ 2563
ในส่วนการดูแลให้ความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวเปลือก กรมการค้าภายในได้เข้มงวดในการกำกับดูแลตรวจสอบการชั่ง เครื่องวัดความชื้น การหักน้ำหนักสิ่งเจือปนและการปิดป้ายแสดงราคา ณ จุดรับซื้อของผู้ประกอบการทุกราย รวมทั้งได้มีการสุ่มตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด