เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ตกเป็นประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์กันบนโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพแชตที่คุยกับหัวหน้างาน เพื่อขออนุญาตลางานเพราะแม่ป่วยหนัก แต่หัวหน้าไม่ให้ลา พร้อมบอกให้กลับไปทำงาน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วแม่ของเธอได้เสียชีวิตลง โดยที่เธอไม่ทันได้กลับไปดูใจแม่ ซึ่งทำให้เกิดคำถามตามมาในเรื่องสิทธิการลาของลูกจ้างหรือพนักงาน
สำหรับข้อควรรู้ของลูกจ้าง-พนักงานออฟฟิศ เรื่องของสิทธิการลาและวันหยุดตามกฎหมาย พ.ร.บ.พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังนี้
วันหยุด
– วันหยุดประจำสัปดาห์ (ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน)
ลูกจ้างที่ทำงานโรงแรม งานขนส่ง งานในป่า งานในที่ทุรกันดาร หรืองานอื่นตามที่กำหนด “ให้สะสมวันหยุดและเลื่อนวันหยุดได้” แต่ต้องอยู่ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
-วันหยุดตามประเพณี (เช่น วันหยุดราชการ ศาสนา วันแรงงานแห่งชาติ ปีละไม่น้อยกว่า 13 วัน)
ถ้าวันหยุดตามประเพณีตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ ให้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป
*งานที่ไม่อาจหยุดตามประเพณีได้ ให้หยุดวันอื่นชดเชยหรือจะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้แทน
-วันหยุดพักผ่อนประจำปี (ปีละไม่น้อยกว่า 6 วัน)
ให้สะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังไม่ได้หยุดรวมกันกับวันหยุดในปีต่อๆ ไปได้ หรือ ในปีต่อมา นายจ้างจะกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปี ให้ลูกจ้างมากกว่า 6 วันทำงานได้
วันลา
-ลาป่วย (ได้รับค่าจ้างในวันลาป่วย ไม่เกิน 30วัน/ปี)
ลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง หากลาตั้งแต่ 3 วันขั้นไป ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ ถ้าไม่มีใบรับรองแพทย์จะต้องชี้แจงเหตุผล
-ลากิจ (ลากิจธุระจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน)
-ลาคลอด (ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 45วัน/ครรภ์)
ลาคลอด ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน
*นับรวมวันตรวจครรภ์และวันหยุด
-ลาทำหมัน (ได้รับค่าจ้างในวันลาทำหมันตามจริง)
ลาตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดและออกใบรับรอง
-ลารับราชการทหาร (ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 60วัน/ปี)
ลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพล เพื่อตรวจสอบฝึกวิชาทหาร
-ลาเพื่อฝึกอบรม (ต้องแจ้ง/พร้อมแสดงหลักฐาน(ถ้ามี) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน)
ไม่อนุญาตให้ลาได้ ถ้าเคยรับอนุญาตให้ลามาแล้วไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือ 3 ครั้ง หรือแสดงได้ว่าการลาทำให้เกิดความเสียหารและกระทบต่องาน
ที่มา สำนักงานกิจการยุติธรรม