อุทาหรณ์ เช็กก่อนแชร์ แพทย์เตือน อย่าเชื่อกลุ่มไลน์ จะหยุดยา ต้องปรึกษาหมอ
จากกรณีที่กำลังเป็นอุทาหรณ์ในสื่อโซเชียล ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี “Dave NaUbon” โพสต์ข้อความ ระบุว่า เกือบเสียแม่ “เพราะไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์” ปกติแม่จะเป็นโรคความดัน ไขมัน อยู่แล้วต้องกินยาควบคุมประจำ อยู่มาวันหนึ่งมีไลน์กลุ่มเพื่อน ๆ แม่ส่งข้อความต่อ ๆกันมาว่า ” ถ้ากินยาลดความดัน ลดไขมัน” มาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง หลังจากได้อ่าน แม่ผมหยุดกินยาเองเลยโดยไม่ปรึกษาใครทั้งสิ้น เมื่อคืน 9 ธ.ค.66 เกิดอาการเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก ถูกนำส่ง รพ วัดความดันได้เกือบ 250และมีอาการหัวใจขาดเลือดกระทันหัน (ถ้าส่ง รพ ช้าไป มีสิทธิ์หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตได้) ปัจจุบันต้องอยู่ในห้อง icu เพราะความดันยังไม่ลงอันตรายมาก
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัญหาด้านสุขภาพในลักษณะดังกล่าว มักเกิดขึ้นอยู่เสมอในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ทั้ง “เบาหวาน – ความดัน” ซึ่งลักษณะการรักษาอาการทั้ง 2 โรคนี้จะใช้ยาในการควบคุมน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต เมื่อผู้ป่วยใช้ยาตามที่แพทย์เจ้าของไข้แนะนำไปสักระยะ จะพบว่า ค่าน้ำตาลในเลือด หรือค่าความดัน จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในส่วนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดคิดไปเองว่า สามารถหยุดทานยาได้ เท่ากับว่าคนไข้ไม่ได้รับการรักษาแล้ว ทำให้น้ำตาลในเลือดและความดันพุ่งสูงขึ้นมาอีก ซึ่งนั้นทำให้เกิดอันตรายเป็นอย่างมาก ขอยืนยัน ว่าการจะหยุดยาหรือต้องรับประทานยาต่อเนื่องต้องขึ้นอยู่ในการควบคุมของแพทย์เจ้าของไข้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนคนที่มักได้รับการส่งกลุ่มในลักษณะดังกล่าวต้องหาแหล่งข้อมูลที่ชัดเจนและปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนทำตามเพราะหากทำในทันที นอกจากไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
“การแชร์ข้อมูลพวกสุขภาพมักพบอยู่บ่อยๆ อันดับแรกต้องหาแหล่งที่มาก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ที่สำคัญเมื่อได้รับข้อมูลแล้วต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวที่รักษาเราเป็นประจำก่อนว่าเราเหมาะสมหรือสามารถดำเนินการตามได้หรือไม่ เพราะแม้บางข้อมูลที่มีแหล่งที่มาชัดเจน และ มีความน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเราเสมอไป ฉะนั้นเมื่อได้รับข้อมูลมาต้องปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ทุกครั้ง ” พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว.
ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า ผู้ป่วยทุกคนต้องทราบว่าจุดมุ่งหมายของการรับประทานยานั้นเพื่ออะไร โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเรื้อรัง ใช้ในการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต หากหยุดยาด้วยตัวเองอาจทำให้เกิดโรคกำเริบ หรืออันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
“ผมไม่เห็นด้วย ถ้าเราไปหยุดยาโดยที่เราไม่ทราบว่าเราหยุดเพราะอะไร ไปหยุดตามคำแนะนำคนอื่น ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับยาที่เราทานอยู่ ” รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ กล่าว
ในขณะที่ ดร.ภญ.จิรา จงเจริญกมล อาจารย์ภาควิชาเภสัชเคมี และเภสัชเวท กล่าวว่า การกินยาในกลุ่มโรคเรื้อรัง ไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด เพราะยาในกลุ่มนี้มีการศึกษาวิจัยมาอย่างยาวนาน เพื่อให้รักษาโรคเรื้อรังอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นยากลุ่มใหม่ มีงานวิจัยรองรับมาเป็นระยะ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ยอมรับว่ายาอาจจะส่งผลกระทบอย่างอื่นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เกิดได้จากความเครียด มลภาวะต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยในการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ได้มากกว่าการรับประทานยากลุ่มโรคเรื้อรังเสียอีก