จากกรณีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียอ้างว่า ป่วยด้วยโรคปรสิต หลังจากกิน “ผัดไทย” ที่ จ.ภูเก็ต และรักษาตัวนานถึง 2 ปี ถือว่ากระทบต่อภาพลักษณ์อาหารไทยและการท่องเที่ยวไทยไม่น้อย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ความเห็นว่า สำหรับเชื้อโรคที่ถูกอ้างถึงตามข่าวนั้น เป็นโปรโตซัวในลำไส้สกุลหนึ่ง ซึ่งทั่วไปเชื้อนี้ไม่ก่อโรคใน “ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง” และเชื้อจะไม่ทนต่อ “ความร้อนและกรดในกระเพาะอาหาร” โดยผัดไทย ปรุงให้สุกด้วย “ความร้อน” จึงไม่น่าจะใช่สาเหตุ
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และการสอบสวนโรค
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสี่ยง โดยประสานไปยังสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย และคณะกรรมการเครือข่ายความปลอดภัยด้านอาหารระหว่างประเทศ (INFOSAN) ภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR 2005) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักเรื่องอาหารปลอดภัย เพื่อสร้างความกระจ่างชัดในเรื่องนี้ พร้อม ๆ กับการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังอย่างละเอียดจากทุกโรงพยาบาลใน จ.ภูเก็ต ที่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวไปรับการรักษา และประสานงานกับทางออสเตรเลีย เพื่อขอข้อมูลจากนักท่องเที่ยวด้วย
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ซึ่งได้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อนอาหารอาจเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นเรื่องอาหารปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ ต้นทางจนถึงปลายทาง ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบร้านอาหารใดที่ไม่สะอาดปลอดภัย ต้องรีบแจ้งต่อกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับข้อแนะนำในการกินอาหารของประชาชน ให้ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ดังนี้
1. กินร้อน คือ กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ถ้าเป็นข้าวกล่อง อาหารถุง ต้องอุ่นให้ร้อนก่อนกินทุกครั้ง
2. ใช้ช้อนกลาง คือ เมื่อกินอาหารร่วมกัน ควรใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร
3. ล้างมือ คือ ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนกินอาหาร ก่อนปรุงอาหาร หลังขับถ่าย และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
นอกจากนี้ ควรจัดให้มีน้ำดื่มที่สะอาด มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ กำจัดขยะมูลฝอยและน้ำเสียที่เหมาะสม โดยเฉพาะในร้านอาหาร
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422