นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความในโซเซียลมีเดียว่า มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ นำภาพใบหน้ามาวิเคราะห์อาการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกนั้น
การใช้โปรแกรมดังกล่าวมาเพื่อวินิจฉัยการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ไม่ใช่วิธีมาตรฐาน เพราะผู้ป่วยที่มีอาการไข้และหน้าแดง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออกอย่างเดียว อาจเป็นโรคอื่นๆ ได้
ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะอาจทำให้ได้รับการรักษาล่าช้า อาการอาจรุนแรงขึ้น เป็นเหตุสำคัญทำให้มีโรคแทรกซ้อนและเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากเจ็บป่วยควรมาพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้อง
โรคไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะ อาการที่พบส่วนใหญ่มีไข้สูงมากโดยฉับพลัน ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร อาจมีผื่นหรือจุดเลือดขึ้นใต้ผิวหนังตามแขนขา ข้อพับ ถ้ามีไข้สูง 2-3 วัน ไม่หายหรือไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย และรักษาอย่างถูกต้อง
หากแพทย์ให้กลับมารักษาตัวที่บ้านก็ไม่ต้องกังวล เพราะส่วนใหญ่โรคไข้เลือดออก หายได้เอง หากไม่เข้าสู่ภาวะช็อก มีเพียงบางรายเท่านั้น
อาการในช่วงไข้ลด ผู้ป่วยจะมีอาการซึม กระสับกระส่าย ชีพจรเต้นเร็ว มือเท้าเย็น บ่นปวดท้อง อาจมีเลือดกำเดา อาเจียนปนเลือด หรือถ่ายปนเลือด หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต้องรีบกลับไปพบแพทย์ที่เดิมให้เร็วที่สุด
กลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีภาวะอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด ภาวะติดสุรา ธาลัสซีเมีย หรือมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน เป็นต้น
แนะมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ
- เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์
- เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
- เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำต้องปิดฝามิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่
- ขอให้ป้องกันการถูกยุงกัด โดยทายากันยุง และนอนในมุ้ง เป็นต้น ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย
- สอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
#กรมควบคุมโรค #ไข้เลือดออก #สแกนใบหน้า #ยุงลาย #ข่าวจริงประเทศไทย
