รัฐบาล ยืนยัน แก้ไขปัญหา IUU ถูกทางแล้ว แนะ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเสวนารับฟังปัญหาชาวประมงที่ตลาดมหาชัยมั่นคง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีการกล่าวโจมตีว่า นโยบายการแก้ไขปัญหา IUU หรือ การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมของรัฐบาล ทำให้ชาวประมงเดือดร้อนและสูญเสียรายได้ 

“ขอตั้งข้อสังเกตว่า จากภาพและคลิปที่เจ้าหน้าที่รวบรวมมาพบว่ากลุ่มคนที่มาให้ข้อมูลกับนายธนาธรนั้นส่วนใหญ่เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย บางคนถูกศาลสั่งลงโทษปรับกว่า 500 ล้านบาท หลายคนถูกสั่งยึดเรือเพราะไปทำความผิดในน่านน้ำสากล ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการค้ามนุษย์ ฟอกปลา ขโมยปลา ดังนั้นจึงเป็นการรับฟังข้อมูลด้านเดียว และดูเหมือนจะจงใจลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ตามที่นายธนาธรเคยพูดไว้ว่าจะทำงานนอกสภา แต่กลับฟังข้อมูลไม่ครบถ้วน”

รองโฆษกฯ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและยืนยันว่า หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง ประเทศไทยจะเจอวิกฤตด้านการประมงอย่างใหญ่หลวง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงใครจะรับผิดชอบ ในทางตรงกันข้าม ปี 2561 ไทยจับปลาได้เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนตัน ในจำนวนนี้ปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านรายย่อยจับได้มีถึง 15,000 ตัน 

ส่วนเรือประมงพาณิชย์ ได้เพิ่มวันจับปลาให้กว่า 100 วัน สะท้อนว่าจำนวนสัตว์น้ำของไทยเริ่มกลับมาอุดมสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาเรื่องเรือเถื่อน ชาวประมงมีโอกาสทางอาชีพเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะพี่น้องขาวประมงที่ทำถูกกฎหมาย ทำให้อันดับการค้ามนุษย์ของไทยเลื่อนจากเทียร์ 3 มาเป็นเทียร์ 2 แล้ว ดังนั้น การออกมาคัดค้านต่อต้านของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาหรืออยากให้แก้ไขกฎหมายเพื่อกลับไปทำผิดเหมือนเดิมนั้น เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้นอีกหรือไม่ จึงอยากให้สังคมตรึกตรองในเรื่องนี้

 ด้านนายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษากรมประมงด้านการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
พร้อมทั้งขอให้พรรคอนาคตใหม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ให้ถูกต้อง นอกจากการที่วันนี้ไทยเป็นผู้นำระดับนานาชาติเรื่องการต่อต้านประมงผิดกฎหมายแล้ว ไทยยังเป็นตัวอย่างที่ดีของเพื่อนบ้านอาเซียนในการยกระดับมาตรฐานการประมงให้สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล
เป็นกรอบกติกาสากล และยังเป็นเรื่องที่พี่น้องชาวประมงรายย่อยชาวประมงขนาดเล็กทุกคนสัมผัสได้ด้วยตัวเองในการแก้ปัญหาที่รัฐบาลดำเนินการด้วยดีมาตลอด 

ณ วันนี้ไทยได้ยกระดับ ของการทำประมงเชิงพาณิชย์ทั้งในและนอกน่านน้ำเข้า สู่มาตรฐานสากลและพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค

รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นทางการเมืองอย่างแน่วแน่ชัดเจนที่จะขจัดปัญหาการประมงผิดกฎหมายIUUเพราะตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่ออนุชนรุ่นหลังมิใช่เฉพาะแต่ของไทยแต่ของโลกโดยรวมการแก้ไขปัญหาประมง IUU จึงได้ถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ

6 ด้าน ความสำเร็จการแก้ไขปัญหา การประมง IUU ของไทย 

  • ด้านกรอบกฎหมาย

ไทยได้ออกกฏหมายควบคุมทั้งการทำประมงและกองเรือประมงรวมถึงการออกกฎระเบียบต่างๆเป็นจำนวนมากเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีบทลงโทษที่รุนแรงเพื่อยับยั้งการทำผิดกฏหมายและไม่มีช่องโหว่ทางกฎหมายที่จะทำให้เรือผิดกฏหมายกลับเข้ามาในระบบได้อีกจนกล่าวได้ว่ากฎหมายด้านประมงและการควบคุมบริหารกองเรือของไทย มีความทันสมัยและเข้มแข็งมากที่สุดฉบับหนึ่งของโลก

  • ด้านการบริหารจัดการประมง

 รัฐบาลไทยสามารถควบคุมปัญหาการทำการประมงเกินขนาดผ่านมาตรการควบคุมเครื่องมือประมงการควบคุมวันทำประมงและการออกใบอนุญาตทำประมงที่สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำที่ไม่เกินระดับความยังยืนจนสามารถนำความอุดมสมบูรณ์กลับคืนท้องทะเลไทยได้อีกครั้งซึ่งเป็นคำยืนยันจากชาวประมงของไทยเอง

  • ด้านการบริหารจัดการกองเรือ

ไทยสามารถลดขนาดกองเรือประมงลงได้กว่าครึ่งโดยขณะนี้ไทยมีจำนวนเรือพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตทำการประมงในประเทศ 10,565 ลำ มีกระบวนการควบคุมและเฝ้าระวังให้จำนวนเรือประมงอยู่ในจำนวนที่เหมาะสมด้วยการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมประมง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจในการบริหารกองเรือจะมีประสิทธิภาพ

  • ด้านการติดตามควบคุมและเฝ้าระวัง 

 รัฐบาลไทยได้จัดสรรงบประมาณกว่า 2.5 ล้านยูโร (95 ล้านบาท) และบุคลากรกว่า 4,000 คน เพื่อวางระบบปฎิบัติงานภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) และได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค มีการนำเทคโนโลยีเช่นระบบติดตามเรือมาใช้รวมถึงวางระบบเชื่อมโยงกับส่วนที่เกี่ยวข้องเช่น ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออก 

สำหรับเรือต่างชาตินั้นไทยได้ดำเนินมาตรการควบคุมความตกลง ว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า อย่างเคร่งครัดจนสามารถยึดเรือผิดกฎหมายและสัตว์น้ำผิดกฎหมายและผลักดันสัตว์น้ำ IUU ไม่ให้เข้าประเทศได้ในปริมาณมากทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นประเทศแนวหน้าของการปฎิบัติตามความตกลงนี้ที่ประเทศต่างๆสามารถนำมาอ้างอิงเป็นแบบอย่างได้

  • ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ

ไทยได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับจนสามารถป้องกันสัตว์น้ำและสินค้าประมงผิดกฎหมายเข้ามาในสายการผลิตของไทยผ่านการตรวจสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาจนสมบูรณ์และได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบที่สามารถแสดงการทำงานได้ดีมากไทยพัฒนา เรื่องนี้ไปอย่างต่อเนื่องเพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็น IUU-free สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าสัตว์น้ำที่นำเข้าและส่งออกจากไทยไม่ได้มาจากการทำประมง ผิดกฎหมาย

  • ด้านการบังคับใช้กฎหมาย

ไทยดำเนินคดีเรือทำประมงผิดกฎหมายโดยมีการสั่งปรับเป็นจำนวนรวมประมาณ 12 ล้านยูโร (458 ล้านบาท) ทำให้การประมงใช้กฎหมายเกิดผลในเชิงป้องปราม ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทั้งยังได้พัฒนาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินคดีอาญาและมาตรการทางปกครองได้ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดความก้าวหน้า

ทั้งหมดนี้สหภาพยุโรป ยืนยันว่า ปัจจุบันไทยมีความควบคุมการประมงIUU ที่เข้มแข็งที่สุดในภูมิภาคและสามารถเป็นแบบอย่างของการแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง