สถานการณ์ไฟป่าภาคเหนือโดยรวมดีขึ้น นายกรัฐมนตรีติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเน้นการดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยง
รัฐบาลได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน พระราชวงศ์ทรงติดตามความทุกข์ร้อนของพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา พระองค์ทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละและทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและไฟป่าเป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลมีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการ “แม่แจ่มโมเดลพลัส” ที่ได้น้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างยั่งยืนด้วยกลไกประชารัฐเป็นแนวทางที่รัฐบาลทำอย่างต่อเนื่องใน 3 มาตรการ ได้แก่
- มาตรการ “ป้องกัน” ก่อน 60 วันห้ามเผา เริ่มตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงเดือน ก.พ.เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่ปลูกข้าวโพดทั้งในไร่ที่เป็นต้น ตอ และใบ ซึ่งมีเศษวัสดุจากการเกษตรประมาณเกือบ 100,000 ตัน
- มาตรการ “รับมือ” ช่วง 60 วันห้ามเผา เริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ.จนถึงเดือน เม.ย.โดยห้ามเผาซังข้าวโพด ใบไม้ ไร่นา หากฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำคุกและโทษปรับ
- มาตรการ “สร้างความยั่งยืน” หลัง 60 วันห้ามเผา เป็นมาตรการระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนผ่านแนวทาง “แม่แจ่มโมเดลพลัส” อาทิ เร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์ จัดระเบียบพื้นที่ป่าไม้กับชุมชนด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน (ประชารัฐ) ยึดคืนและเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก น้อมนำโครงการพระราชดำริ “สร้างป่า สร้างรายได้” มาใช้ส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนการปลูกข้าวโพดเป็นพืชชนิดอื่น
แนวทางลดปัญหาหมอกควันไฟป่าเพิ่มเติม
- ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ถูกวิธี โดยไม่ต้องเผาป่าขยายพื้นที่ พร้อมจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าร่วมกับผู้นำชุมชนส่วนราชการและสนับสนุนงบประมาณในการรณรงค์
- สร้างแหล่งกักเก็บน้ำในหมู่บ้าน ชุมชนเพื่อใช้อุปโภค-บริโภค ทำการเกษตรและพัฒนาอาชีพโดยปลูก ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก การเพาะเห็ดจากเปลือกข้าวโพด การเลี้ยงสัตว์และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
- สร้างป่าชุ่มน้ำ ป่าเปียก สนับสนุนให้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากโซล่าเซล เพื่อสูบน้ำบาดาลปล่อยลงสู่พื้นที่ป่าให้ชุ่มชื้น ลดปัญหาไฟป่า
- ผลิตถ่านอัดแท่งจากซังข้าวโพด นำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาหมักเป็นอาหารวัว
- นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ส่งเสริมให้ใช้ถ่านชีวมวลอัดแท่ง (ไบโอชาร์) ที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มแทนการตัดไม้และเผาป่า
มติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 รับทราบแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีหน่วยงานร่วมบูรณาการจำนวน 11 หน่วยงาน เพื่อ “สร้างอากาศดี เพื่อคนไทยและผู้มาเยือน” โดยมาตรการและแนวทางดังกล่าว แบ่งเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.62 นายกรัฐมนตรีตรวจราชการเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า จ.เชียงใหม่ โดยวางแนวทางแก้ไขปัญหาเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะเร่งด่วน
- ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานด้วยความปลอดภัย ขอให้ทำงานเพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงกำชับและทรงห่วงใย ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด
- มอบหมายให้ผู้ว่าฯ 9 จังหวัดภาคเหนือเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ประสานผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชี้แจงทำความเข้าใจ สร้างจิตสำนึก ขอความร่วมมือให้งดเผาและพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
- เน้นลดจุดเผาไหม้หรือจุด Hotspot ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จากปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 1,900 จุด โดยต้องดีขึ้นภายใน 7 วัน
- มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุเป็นพิเศษ ซึ่งภาครัฐได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองให้กับประชาชนในภาคเหนืออย่างต่อเนื่องกว่า 2 ล้านชิ้น
ระยะยาว
- กองทัพบกเตรียมขยายผลเรื่องการฝึกผจญเพลิงและดับไฟป่าตามแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม
- กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าและกำหนดแผนแม่บทอย่างชัดเจน
- แก้ปัญหาภาพรวมใน 3 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ป่าภูเขา พื้นที่ทำการเกษตร และพื้นที่เขตเมือง
- ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเข้าใจปัญหาและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ล่าสุด ข้อมูลจากดาวเทียม VIIRs และตารางเปรียบเทียบจากกองทัพบก จุด Hot spot ลดลง 45%‼ (2-7 เม.ย.62) หลังนายกฯ ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา
7 เม.ย.62 พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันภาคเหนือโดยรวมดีขึ้น แต่ยังคงมีผลกระทบอยู่ 3 จังหวัด คือ จ. แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย โดยที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้ชัดเจนขึ้น
ในช่วงวันหยุดนี้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่น ไฟป่า และหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด และได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าจุดความร้อนหรือ Hotspot โดยรวมวันนี้ลดลงจากวันที่ 2 เม.ย.อย่างมาก จาก 1,969 จุด เหลือ 375 จุดใน 9 จังหวัด แต่บางพื้นที่จุด Hotspot มีขึ้นมีลงตามสภาพอากาศและภูมิประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งปฏิบัติการอย่างไม่หยุดหย่อน
“นายกฯ ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนาย พร้อมกำชับให้จังหวัดดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย”