เดินหน้าแก้ปัญหาธุรกิจนอมินี บังคับใช้กฎหมายเข้มสร้างความเป็นธรรมผู้ประกอบการไทย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2 (9 ธ.ค. 67) ร่วมกับนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ 16 หน่วยงาน

นายพิชัย กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ 16 หน่วยงาน เร่งแก้ปัญหาให้เห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน (ภายในปี 2567) โดยจัดตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ : ทำหน้าที่กำหนดมาตรการ ดำเนินการควบคุมและกำกับดูแลการจำหน่ายสินค้า ตลอดจนเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว : เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและป้องปราม รวมถึงสืบสวน สอบสวนหรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินี โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนแผนงานให้เห็นผลที่ชัดเจน ทั้งในระยะสั้น-กลาง-ยาว

ด้านการป้องกันและกำกับดูแล แผนระยะสั้นและผลการดำเนินงานที่เห็นผลแล้ว อาทิ กรมศุลกากร จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากผู้นำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ประมาณ 823 ล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. – พ.ย. 67) กำกับดูแลการนำเข้า โดยเพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า FCL (Full Container Load) จากเดิมร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 เข้มข้นในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ผ่านด่านมุกดาหาร และนครพนม และ X-ray ตู้แบบ 100%  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่มจำนวนการเก็บตัวอย่างสินค้าเพื่อตรวจสอบสารพิษตกค้างเป็น 10 เท่า จากเดิม 500 ตัวอย่าง/ปี เป็น 5,000 ตัวอย่าง/ปี และเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบจาก 3 วัน เหลือใช้เวลาเพียง 1 วัน นอกจากนี้ มีการตรวจสอบสถานประกอบการ 34 แห่ง พบการกระทำผิดตามกฎหมายของ อย. 30,393 รายการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสินค้ามาตรฐานบังคับที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์จากเดิม 1,080 URL/เดือน เป็น 1,620 URL/เดือน และมีการตรวจสอบดำเนินคดี 59 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 33 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบสินค้าตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค พบการกระทำผิด 159 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท และจากการตรวจสอบที่เข้มข้น พบว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านช่องทาง e-Commerce ลดลงร้อยละ 27 เหลือเฉลี่ยเดือนละ 2,279 ล้านบาท (จากเดิมก่อนมีมาตรการเฉลี่ยเดือนละ 3,112 ล้านบาท)

สำหรับแผนระยะถัดไปที่จะดำเนินการในปี 2568 จะเพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มบุคลากรปฏิบัติงาน ตลอดจนเชื่อมโยงข้อมูล และพัฒนาระบบ AI เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบัติงาน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการประชุมครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 67 คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการแล้วมีผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรมชัดเจน มีการลดลงของสินค้านำเข้าและมีการแก้ไขเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จากนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ภายใต้กรรมการชุดนี้ดำเนินการอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลต้องระวังความรู้สึกของประเทศจีนด้วย ได้มีการหารือกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย (8 ธ.ค.67) ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนเหมือนป่าไม้ใหญ่ บางครั้งป่าไม้จะมีหนอนบ้าง ต้องกำจัดหนอนทิ้ง และป่าไม้ก็จะเติบโตอุดมสมบูรณ์ต่อไป ความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนต้องพัฒนาต่อไป สำหรับการลงทุนที่มาถูกต้องเพื่อให้เศรษฐกิจไทยดีก็เป็นสิ่งที่ต้องส่งเสริม แต่ปัญหาที่มีอยู่เป็นเรื่องส่วนน้อย เปรียบเหมือนหนอน เราต้องกำจัดหนอนออกไป ภาพใหญ่คือความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนที่จะต้องดำเนินต่อไป และจะทำกับทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะกับประเทศจีน การตรวจสอบนอมินีจะมีหลายประเทศที่เกี่ยวข้อง อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเราตรวจทุกประเทศเท่ากันหมด ซึ่งจะดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไปผ่านหน่วยงานต่างๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง