นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กาแฟ อาราบิกาเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่สูงของประเทศไทย กรมวิชาการเกษตรจึงได้พัฒนาพันธุ์กาแฟที่ให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพและมีความสามารถในการต้านทานโรค จนได้กาแฟพันธุ์ใหม่ใช้ชื่อว่า “กาแฟอาราบิกา กวก.เชียงใหม่ 1” ที่มีลักษณะเด่นคือ มีความต้านทานต่อโรคราสนิมสูงถึงร้อยละ 97.72 และให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่ากาแฟพันธุ์เดิมที่เกษตรกรนิยมปลูก โดยให้ผลผลิตน้ำหนักสด 3,086.80 กรัมต่อต้น ผลผลิตสารกาแฟเฉลี่ย 567.60 กรัมต่อต้น ซึ่งสูงกว่าพันธุ์เชียงใหม่ 80 ซึ่งให้ผลผลิตสารกาแฟเฉลี่ย 540 กรัมต่อต้น และต้นกาแฟอาราบิกา พันธุ์ กวก.เชียงใหม่ 1 ยังให้ผลผลิตเต็มที่ในระยะเวลาที่สั้นกว่า จึงช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร
อีกทั้งจากผลการทดสอบคุณภาพการชิม โดยนำตัวอย่างไปทดสอบคุณภาพที่ Acaemia do Café, Lisboa ประเทศโปรตุเกส พบว่า กาแฟอาราบิกา พันธุ์ กวก.เชียงใหม่ 1 ได้คะแนนการประเมินของกาแฟ 76.75 คะแนน (จาก 100 คะแนน) มีรสชาติทิ้งทวนที่ยาวนานแม้รสเปรี้ยวเบาบางแต่มีรสสัมผัสที่นุ่ม
ทั้งนี้ กาแฟอาราบิกา พันธุ์ กวก.เชียงใหม่ 1 มีความเหมาะสมกับการปลูกในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่สูงในภาคเหนือแต่มีข้อควรระวังคือ กาแฟอาราบิกา ไม่ทนต่อแสงแดดจัด หรือสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งโดยตรง ดังนั้นควรปลูกภายใต้สภาพร่มเงาของป่าธรรมชาติ หรือปลูกต้นไม้ร่วมแถว เพื่อช่วยลดอุณหภูมิและป้องกันแสงแดดจัดความชุ่มชื้น โดยต้องรักษาระดับความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย โทรศัพท์ 053 602 751