เปิดศูนย์ ปภ.ช. ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแก้ฝุ่น PM2.5 “สั่งการห้ามเผาเด็ดขาด 90 วัน”

ที่ห้องประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมี นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้บริหาร ปภ. ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมฯ พร้อมขับเคลื่อนการยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 โดยใช้ระบบบริหารจัดการแบบ Single Command รวมถึงกำหนดจัดกิจกรรม Kick Off รณรงค์ห้ามเผาพร้อมกันทุกพื้นที่ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ นี้

อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมฯ และได้มีข้อสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเปิดปฏิบัติการ (activate) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทา       สาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรณีไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จึงเป็นที่มาในการประชุมครั้งนี้ (30 ม.ค. 68) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกเพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่น PM2.5 โดยสถานการณ์ภาพรวมของประเทศไทยมีค่าฝุ่นละออง PM2.5 เริ่มเพิ่มสูงขึ้นทุกพื้นที่ของประเทศ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม – วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 สถานการณ์ฝุ่นละอองจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวต่อว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรณีไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) โดยยกระดับการดำเนินงานอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในทุกมาตรการ ทั้งการลดปริมาณฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆ และการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงพิจารณาพื้นที่ออกประกาศกำหนดการควบคุมการเผาล่วงหน้า

โดยปัจจุบันได้มีการประกาศควบคุมพื้นที่ห้ามเผาแล้ว 39 จังหวัด พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรและผู้หาของป่าให้ทราบประกาศล่วงหน้า เพื่อให้รับทราบและปฏิบัติตามกฎหมายห้ามเผา และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างว่าไม่รู้ประกาศห้ามเผา พร้อมบังคับใช้มาตรการกฎหมายการห้ามเผาอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ตรวจตรา ควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือเผาในที่โล่งทุกประเภท ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ในช่วงระยะ 3 เดือน หรือ 90 วัน ต่อจากนี้ต้องห้ามเผาโดยเด็ดขาด กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ให้พิจารณาประกาศใช้มาตรการ Work from Home โดยพิจารณาจากการพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้า ตลอดจนขอความร่วมมือหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งสำนักงานเกษตรจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะการห้ามเผาในพื้นที่ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรณีไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ยังมีข้อสั่งการให้ทุกจังหวัด จัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและสร้างจิตสึกนึกให้กับประชาชนร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนส่วนรวม ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะประชุมเปิดปฏิบัติการ (activate) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรณีไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เป็นประจำทุกวัน (วันจันทร์ – วันศุกร์) เวลา 10.00 น. ทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online กับหน่วยงานภายใต้ บกปภ.ช. และหน่วยงานในระดับพื้นที่ ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ สั่งการ วางแผน ติดตามสถานการณ์ และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)

ข้อสั่งการ ปภ.ช. ประจำวันที่ 30 มกราคม 2568

1. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดใช้ระบบการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) สั่งการหน่วยงานยกระดับการดำเนินงานอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในทุกมาตรการ ทั้งลดปริมาณฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆ และการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

2. ประกาศกำหนดการควบคุมการเผาล่วงหน้าและบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ตรวจตรา ควบคุม ไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท

3. เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นให้พิจารณาประกาศใช้มาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ตลอดจนการพิจารณาประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

4. ให้สำนักงานเกษตรจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะ การงดห้ามเผาในพื้นที่ควบคุมกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง