“ไทย-จีน” สานสัมพันธ์ 50 ปีชื่นมื่น ย้ำความร่วมมือปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบระหว่างกัน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง (H.E. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ 2568 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าว “สวัสดีปีใหม่จีน” และยินดีที่ได้มาเยือนจีนในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่พิเศษครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีน

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกล่าวว่า ตลอดระยะ เวลา 50 ปี ไทย-จีน มีหลักการและวิสัยทัศน์ความร่วมมือในการแบ่งปันความเจริญรุ่งเรือง (shared prosperity) ซึ่งจีนยังสนับสนุนบทบาทไทยในทุกกรอบความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคี พหุภาคีและภูมิภาค ซึ่งยังเห็นควรขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เศรษฐกิจดิจิทัล เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการใช้ประโยชน์ความร่วมมือเศรษฐกิจ ไทย ลาว จีน อีกทั้งจีนยังส่งเสริมภาคเอกชนไทยในทุกมิติ โดยประเทศจีนจะมีการจัดงาน “China International Import Expo” ซึ่งถือเป็นงานสำคัญของการค้าขายระหว่างกัน ซึ่งจีนยังสนับสนุนสินค้าและบริการที่ดีของไทยมาที่ประเทศจีน ส่วนความร่วมมือในด้านยุทโธปกรณ์ทางทหารนั้น ไทย-จีนมีจุดเริ่มต้นจากโครงการเรือดำน้ำ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงระหว่างไทย-จีน โดยรัฐบาลได้มีมติคณะรัฐมนตรี (4 ก.พ. 68) ที่ผ่านมาอนุมัติดำเนินการโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย รวมทั้งจะให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ยกระดับความร่วมมือด้านการรถไฟระหว่างไทยและจีน ให้เพิ่มเติมมากกว่าระบบรางอีกด้วย นอกจากนี้ไทยยังมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการ Entertainment complex และ Land bridge ซึ่งจะเป็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ พร้อมเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดทำมาตรฐานร่วมกันในการจัดการ ณ ด่านศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย-จีน รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคจีนด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ด้านความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งไทยพร้อมเดินหน้าความร่วมมือกับจีนในการสกัดกั้นกระบวนการอาชญากรรมที่เดินทางผ่านประเทศไทยและจะเตือนภัย ผ่านกลไกความร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้เป็นที่น่ายินดีที่ทั้งสองฝ่ายรวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้องในภูมิภาค ได้มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ call center อย่างจริงจังแล้วในปัจจุบัน”

ขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนสนับสนุนอย่างเข็มแข็งในการปราบปรามขบวนการหลอกลวง (online scam) การลักพาตัว การค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ของประชาชนจีน เป้าหมายหลักของทั้งสองประเทศ คือ การปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาจีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและท้องถิ่นสามารถปราบปรามยาเสพติดจนประสบความสำเร็จ

โดยอาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นความท้าทาย มีความเสี่ยงสูง และชี่นชมรัฐบาลไทยที่พยายามอย่างเต็มที่และเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการตัดน้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ตและน้ำมัน ที่จะสามารถตัดวงจรกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมต่างๆ  ได้ และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามจะดูแลความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายทั้งในระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาค

ส่วนการยกระดับความร่วมมือในระดับประชาชน อาทิ การจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน ในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนการแสดงวัตถุโบราณ การส่งมอบแพนดายักษ์ รวมไปถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ การให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและ Soft Power เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมและสื่อวัฒนธรรมสมัยใหม่ ความร่วมมือด้านสื่อวัฒนธรรม เพื่อส่งต่อความร่วมมือจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกัน

นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีที่ไทยและจีนเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคต เนื่องจาก “คน” ถือเป็นอนาคตของประเทศและความสัมพันธ์ไทย-จีน นอกจากนี้ ไทยยังมุ่งส่งเสริมและแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา วัฒนธรรม Soft Power เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่ประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน

การประชุมหารือครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยังเห็นพ้องกันที่จะสนับสนุนบทบาทของทั้งสองประเทศ ในเวทีระหว่างประเทศ  อาทิ การส่งเสริมบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (United Nations) หรือ UN ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาความร่วมมือของโลก เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนยังยินดีที่ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกประเทศ หุ้นส่วนของ BRICS (เป็นอักษรย่อใช้เรียกกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วประกอบด้วยบราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และ แอฟริกาใต้ (South Africa))

นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบหารือกับนายจ้าว เล่อจี้ (H.E. Mr. Zhao Leji) ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยประธานสภาฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีได้มาเยือนจีนในช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นปีที่ไทยกับจีนฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และจะเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ด้วย

ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ไทย-จีน เป็นหุ้นส่วนที่มีอนาคตร่วมกัน ทั้งสองประเทศมีความเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้ง สมคำกล่าวที่ว่า “ไทย-จีน มิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” การที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ และพร้อมส่งเสริมความร่วมมือกับจีนให้แนบแน่นยิ่งขึ้นในทุกระดับ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและมุ่งไปสู่อนาคต

ปัจจุบัน จีนส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง ซึ่งสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยด้วย จีนพร้อมสนับสนุนให้บริษัทที่มีเทคโนโลยีสูง เช่น ด้านเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล และสาธารณสุข เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเดินทางระหว่างประชาชนและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และภัยออนไลน์ พร้อมร่วมมือกับไทยพัฒนากรอบความร่วมมือในระดับภูมิภาค เช่น ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ล้านช้าง รวมถึงความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านนิติบัญญัติ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งฝากความระลึกถึงไปยังประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาของไทยด้วย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมขอบคุณที่ประเทศจีนเป็นมิตรและหุ้นส่วนที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมืออย่างแนบแน่นในทุกระดับ เพื่อสร้างอนาคตของความร่วมมือไทย-จีนให้มั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงความร่วมมือทางฝ่ายนิติบัญญัติด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า “ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการ “จีนเดียว” และพร้อมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติไทย-จีน เชื่อว่าในโอกาสพิเศษของการเฉลิมฉลองปีทองแห่งมิตรภาพ
ไทย-จีนในปีนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง”

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวขอบคุณประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ให้การสนับสนุนการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ประเทศไทย และเตรียมพร้อมการต้อนรับทูตสันถวไมตรี “แพนดายักษ์” อีกทั้งรัฐบาลไทยพร้อมดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในระดับประชาชน และไทยยังรอต้อนรับการเยือนของประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนใน
ปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 14 ปี และจะมีส่วนช่วยเพิ่มพูนความเชื่อใจระหว่างกันอีกด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชน จัตุรัสเทียนอันเหมิน

นายกรัฐมนตรีและนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน ดังนี้

1. แถลงการณ์ร่วม ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการพัฒนาสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระดับสูงผ่านวิสัยทัศน์การมองไปข้างหน้าและประชาชนเป็นศูนย์กลาง (ไม่มีการลงนาม)

2. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

3. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ระหว่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน

4. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียว ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

5. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน

6. ร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์            แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

7. ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว สำหรับการค้าข้ามแดนระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

8. ร่างความตกลงระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย กับศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความตกลงยอมรับร่วมกันสำหรับโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ  (Authorized Economic Operator: AEO คือ มาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกทางการค้าโลก) ของกรมศุลกากร และโครงการ Enterprise Credit Management ของศุลกากรจีน

9. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

10. ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีนเกี่ยวกับอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย – จีน ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข 7

11. ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ

12. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับการไปรษณีย์สาธารณรัฐประชาชนจีน

13. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับสำนักข่าวซินหัว

14. ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยกับ China Media Group

ข่าวที่เกี่ยวข้อง