นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย กลุ่ม Non – Banks ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และหลักเกณฑ์เงื่อนไข กระบวนการเบิกจ่ายโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจกลุ่ม Non – Banks ของธนาคารออมสิน เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้กลุ่ม Non – Banks ให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายผลโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ให้ลูกหนี้รายย่อยของกลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ Non – Banks ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับโครงการเดิม แบ่งเป็น ดังนี้
- มาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ ช่วยเหลือลูกหนี้ ช่วยลูกหนี้ค้างชำระตั้งแต่ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ของ Non – Banks ในสินเชื่อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ โดยจะช่วยลดหนี้ให้เหลือร้อยละ 70 ลดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ตลอด 3 ปี หากสามารถทำตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ ที่เหลือรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนให้
- มาตรการจ่ายปิดจบ สำหรับบุคคลธรรมดาผู้มีหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท ลดหนี้ให้ร้อยละ 90 ประชาชนจ่ายเพียงร้อยละ 10 โดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนในส่วนที่เหลือ
ทั้งนี้ รัฐบาลจะให้สถาบันการเงินกลุ่ม Non – Banks สามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) จากธนาคารออมสินได้ ซึ่งยิ่ง Non – Banks มีการช่วยลูกหนี้มากเท่าไหร่ ก็สามารขอสินเชื่อ soft loan ได้มากเท่านั้น
- วงเงินการช่วยอุดหนุน 50,000 ล้านบาท ธนาคารออมสินจะเป็นผู้ออกเงินเองทั้งหมด
- สำหรับลูกหนี้ของ Non – Banks ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/khunsoo หรือหรือติดต่อสถาบันการเงินที่ท่านเป็นลูกค้าได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 เมษายน 2568
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของผู้ประกอบการธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non – Banks) ภายใต้โครงการคุณสู้ เราช่วย และหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และกระบวนการเบิกจ่ายโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non – Banks) ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งประกอบด้วย
(1) มาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยการเน้นตัดต้นเงิน โดยลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็นร้อยละ 70 ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการ และลดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ทั้งนี้ คาดว่ามีลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายการได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 1.7 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 50,000 ล้านบาท
(2) มาตรการลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้นเป็น NPLs ที่มียอดหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยให้ลูกหนี้จ่ายชำระหนี้ ร้อยละ 10 ของภาระหนี้คงค้าง เพื่อเป็นการชำระหนี้ปิดบัญชี ทั้งนี้ คาดว่ามีลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายการได้รับการช่วยเหลือจำนวน 31,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 120 ล้านบาท โดย Non – Banks จะใช้วงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากโครงการดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) (โครงการ Soft Loan) สำหรับ ผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน เพื่อบริหารสภาพคล่องของธุรกิจและชดเชยการสูญเสียต้นทุนเงินจากการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการดังกล่าว
2. หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และกระบวนการเบิกจ่ายโครงการ Soft Loan สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน โดยเป็นการปรับปรุงรายละเอียดบางประการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติม ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบหลักการโครงการ Soft Loan เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 (ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติไว้ จำนวน 3,000 ล้านบาท) ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน เรียบร้อยแล้ว เช่น
(1) วิธีการคำนวณวงเงินสินเชื่อที่ Non – Banks จะได้รับ (เดิมไม่ได้กำหนด)
(2) วงเงินสินเชื่อของ Non – Banks ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 5,000 ล้านบาท (เดิมไม่ได้กำหนด)
(3) ระยะเวลายื่นขอสินเชื่อ จากเดิม ภายใน 30 ธันวาคม 2568 เป็น 30 มิถุนายน 2568
(4) เงื่อนไขอื่นๆ เพื่อกำกับดูแลการให้สินเชื่อ Soft Loan ของ Non – Banks เช่น ธนาคารออมสิน จะติดตามผลการให้ความช่วยเหลือเพื่อทบทวนจำนวนวงเงินกู้เป็นประจำปีละครั้ง โดยธนาคารออมสินสามารถกำหนดเงื่อนไขให้ Non – Banks ชำระหนี้คืน เพื่อลดภาระหนี้คงเหลือให้เท่ากับวงเงินลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ และกรณีที่ ธปท. ตรวจสอบพบว่า Non – Banks ไม่ได้ช่วยเหลือลูกหนี้มาตรการ Non – Banks จะต้องแจ้งผลการตรวจสอบของ ธปท. ให้ธนาคารออมสินทราบด้วย โดย Non – Banks ต้องชำระคืนเงินกู้ในส่วนที่ไม่ได้ช่วยเหลือลูกหนี้ภายในระยะเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีลักษณะเดียวกับการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 (ตามข้อ 2) โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันบางประการ สรุปได้ ดังนี้
หัวข้อ | มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย | |
ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567) | Non – Banks (ขอเสนอคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้) | |
(1) มาตรการ ปรับโครงสร้างหนี้ แบบลดภาระดอกเบี้ย โดยการเน้นตัดต้นเงิน | – ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ชำระค่างวด ร้อยละ 50 70 และ 90 ตามลำดับ และดอกเบี้ยจะพักการชำระไว้ในช่วงระยะเวลามาตรการ หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอด 3 ปี สถาบันการเงินจะยกเว้นดอกเบี้ยที่พักไว้ให้ลูกหนี้ – ดอกเบี้ยที่ยกเว้นให้ลูกหนี้ข้างต้น ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะรับภาระร้อยละ 50 ส่วนอีกร้อยละ 50 มาจากการลดอัตราที่ธนาคารพาณิชย์นำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF (Financial Institutions Development Fund ) (กรณีธนาคารพาณิชย์) และเงินงบประมาณตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อชดเชย (กรณีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) | – ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็นร้อยละ 70 ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการ และลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 จากอัตราดอกเบี้ยก่อนเข้าร่วมมาตรการ เป็นระยะเวลา 3 ปีโดยดอกเบี้ยส่วนที่ลดจะพักชำระไว้ทั้งหมดหากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ – ต้นทุนทางการเงินของดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ Non – Banks รับภาระเองร้อยละ 10 และส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 90 ภาครัฐอุดหนุนผ่านโครงการ Soft Loan สำหรับ ผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน |
(2) มาตรการลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้น เป็น NPLs ที่มียอดหนี้ ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท | การปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลดภาระให้ลูกหนี้จ่ายชำระหนี้ร้อยละ 10 ของภาระหนี้ คงค้าง เพื่อเป็นการชำระหนี้ปิดบัญชี ส่วนที่เหลือให้ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรับภาระร้อยละ 45 และอีกร้อยละ 45 ให้ใช้จ่ายจากการลดอัตราที่ธนาคารพาณิชย์นำส่งเงินเข้ากองทุน FIDF (กรณีธนาคารพาณิชย์) และเงินงบประมาณตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อชดเชย (กรณีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) | การปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลดภาระให้ลูกหนี้จ่ายชำระหนี้ร้อยละ 10 ของภาระหนี้คงค้าง เพื่อเป็นการชำระหนี้ปิดบัญชี ส่วนที่เหลือให้ Non – Banks รับภาระเอง ร้อยละ 9 ของภาระหนี้คงค้าง และภาครัฐอุดหนุนผ่านโครงการ Soft Loan สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน ร้อยละ 81 ของภาระหนี้ คงค้าง |
แหล่งเงินที่ใช้ในการดำเนินมาตรการ (1) และ (2) | (1) เงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ของธนาคารพาณิชย์ (ที่ได้รับการละเว้นจากการปรับลดอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนดังกล่าว) จำนวน 39,000 ล้านบาท (2) เงินงบประมาณตามมาตรา 28 แห่งพระราช บัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อชดเชยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่ง จำนวน 38,920 ล้านบาท | โครงการ Soft Loan สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ของธนาคารออมสิน วงเงิน 50,000 ล้านบาท (โดยภาครัฐจะใช้เงินงบประมาณตามมาตรา 28 แห่งพระราช บัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อชดเชยต้นทุนเงินให้ธนาคารออมสิน จำนวน 3,000 ล้านบาท) |
3. กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ (สงป.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาแล้วเห็นชอบ/เห็นชอบในหลักการ/ไม่ขัดข้อง/ไม่ขัดข้องในหลักการ โดย กระทรวงมหาดไทย มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 อย่างเคร่งครัดและรอบคอบ ในขณะที่ สศช. เห็นควรให้ กระทรวงการคลังกำกับและติดตามการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของผู้ประกอบธุรกิจ Non – Banks ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ อย่างเคร่งครัดและ สงป. ขอให้ธนาคารออมสินจัดทำเเผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและตามผลการดำเนินงานจริง