นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านประมง ตามแนวนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” พร้อมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีด้านการเกษตร( Agri-tech ) มาใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตคุณภาพสูงและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งจะช่วยยกระดับการเกษตรของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรมประมงจึงได้ดำเนินโครงการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่ำ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การอาหารและเกษตร แห่งสหประชาชาติ (FAO) โดยมีเป้าหมายในการศึกษาและพัฒนาแนวทางการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
โดยเริ่มต้นโครงการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่ำในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด แบ่งออกเป็น 8 จังหวัดในพื้นที่ชายฝั่งสำหรับการเลี้ยงกุ้งทะเล (ตราด จันทบุรี สมุทรสาคร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และสงขลา) และ 2 จังหวัดในพื้นที่น้ำจืดสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (กาฬสินธุ์และราชบุรี) ซึ่งได้มีการนำนวัตกรรมการใช้พลังงานที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงสัตว์น้ำ อาทิ การใช้ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก สำหรับเครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้ง ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับเครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้ง ระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้ง และระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้งเป็นต้น พร้อมยังได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุน อีกทั้งสนับสนุนการให้บริการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานจากสตาร์ทอัพและนักลงทุน การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับเกษตรกรในการลงทุนในนวัตกรรมพลังงานทดแทน และการพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรในการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน โดยจากการใช้นวัตกรรม สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้กว่าร้อยละ 30 และลดต้นทุนพลังงานลงกว่าร้อยละ 39 ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงกุ้งทะเลลดลงได้ถึง 24.30 บาท/กก.อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 9,433 kCO2e (กิโลคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)/รอบการเลี้ยง/บ่อ
