นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน FTI EXPO 2025 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” ที่จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะทูตานุทูต ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจ อุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งาน “ FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE” เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน ได้เห็นการจัดบูธต่างๆ แม้ไม่ใหญ่มาก แต่คือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในสามของการผลักดัน GDP ของประเทศ ซึ่งเอกชนคือผู้ที่ลงทุนลงแรงในการหาข้อมูลในการผลิต การพัฒนาคนในหลายๆ ด้าน เพื่อให้อุตสาหกรรมแข็งแรง แต่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เติบโตต่อไป ให้ทั่วโลกรู้ว่าเมื่อเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด อุตสาหกรรมของประเทศไทยยังแข็งแรงเหมือนเดิม พร้อมเป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตคน ที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าคนไทยที่รับชมการถ่ายทอดสด โดยเฉพาะ SMEs ที่ไม่ได้มาร่วมงาน จะเกิดแรงบันดาลใจ เมื่อเอกชนและรัฐบาลทำงานร่วมกันจะสามารถต่อยอดอุตสาหกรรมของไทยให้ไปต่อได้อย่างเข้มแข็งอย่างแน่นอน จากนโยบายที่ได้แถลงไปต่อรัฐสภาว่าจะวางนโยบายของยุทธศาสตร์ พัฒนาภาคอุตสาหกรรม ในหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการมุ่งเร่งการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในอนาคต พัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ หรือการร่วมมือการสร้าง ecosystem (ระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ) เพื่อจะให้เอื้อต่อการพัฒนาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการพัฒนาคน เหล่านี้คือการยกระดับฐานการผลิตเพื่อให้การผลิตมีคุณภาพยิ่งขึ้นเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ทั้งนี้ การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งต่อสินค้าและการบริการจะสามารถสร้างโอกาสและสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของไทย Made in Thailand (MiT) ให้เข้มแข็งและได้มาตรฐานโลก ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพลิกฟื้นได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า SMEs ของประเทศมีกว่า 75% รัฐบาลมีนโยบาย มีหลักในการพัฒนา SMEs ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่ให้แต่ละกระทรวงดูว่ากฎหมายข้อใดที่สามารถปรับหรือยกเลิกได้ทันที เพื่อเป็นการเปิดช่องทางให้ SMEs เปิดโอกาสเพิ่มการลงทุน เพิ่มศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อจากนี้ จะมีการตั้งทีมเพื่อเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องดังกล่าว ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน สำหรับงานที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด 4GO ประกอบด้วย GO Digital & AI, GO Innovation, GO Green และ GO Global เป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่มีพลังมาก สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรม ของไทยได้จริง ทำให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับ เกิดการมองเห็นประเทศไทยได้จริง ดังนี้
1. GO Digital & AI รัฐบาลจะเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ดึงดูดการลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน Data Center การสนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกง่ายขึ้นต่อการลงทุนในประเทศไทย เพื่อพัฒนาในเรื่องของ AI ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI โดยมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้
2. GO Innovation ดึงดูดอุตสาหกรรมการลงทุนในอนาคต เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้ง (บอร์ด) คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีจุดประสงค์เร่งผลักดันการดำเนินการต่างๆ กำหนดงานเชิงยุทธศาสตร์ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลและเอกชนทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ซึ่งเอื้อประโยชน์อย่างมากให้กับภาคอุตสาหกรรม
3. GO Green พลังงานสีเขียวเป็นสิ่งที่ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ การลงทุนต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นตัวแปรที่จะสร้างโอกาส เป็นความท้าทายของประเทศไทย เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยที่มีความมุ่งมั่นในเรื่องของพลังงานสีเขียว เป็นสิ่งที่เพิ่มโอกาสสำหรับประเทศไทย ทำให้ทั่วโลกรู้ว่าถึงแม้ประเทศไทยจะพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลแค่ไหน แต่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดทำกลไก Utility Green Tariff หรือ UGT (คืออัตราค่าไฟของ “ไฟฟ้า สีเขียว” ซึ่งเป็นไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล) ทำให้เกิดการจูงใจในการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแนวธุรกิจให้เป็น GO Green มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัด เช่น การสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก “ข้าวคาร์บอนต่ำ” (Low Carbon Rice)
4. GO Global การต่อยอดการขยายข้อตกลงทางการค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก รัฐบาลไทยได้ลงนาม ไทย – FTA เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ในงาน World Economic Forum ดาวอส ถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ได้ลงนามกับกลุ่มประเทศยุโรป โดยหวังว่าจะได้เซ็น FTA กับประเทศในกลุ่มยุโรปเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาน เป็นประเทศที่มุ่งการเซ็น FTA เพิ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสให้แก่ SMEs ไทย
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การที่ร่วมมือกับประเทศต่างๆ จะนำไปสู่การร่วมมือในเรื่องของการวิจัย ต้องลงทุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เชื่อว่าประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งการวิจัยและการพัฒนา (R&D) เป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและมีรากฐานที่มั่นคง วันนี้เวลาเดินไปเรื่อยๆ ไม่สามารถรอได้ ประเทศไทยมีคนที่มีศักยภาพอีกมาก รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนคนไทย โดยจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อพัฒนาคนไทยให้คุณค่าของคนไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไปพร้อม ๆ กัน สำหรับในอนาคตการเตรียมความพร้อมของคนรุ่นใหม่ ให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องของอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำได้อย่างแน่นอน เพื่อแสดงศักยภาพของคนไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คน ซึ่งการทำงานร่วมกันจะทำให้อุตสาหกรรม ถูกพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจถูกกระตุ้น ทำให้ประเทศไทยมีกินมีใช้”
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน FTI Expo 2025 ระหว่างวันที่ 12 – 15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 – 19.00 น. ณ Hall 5 – 8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นงานแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดที่มีมา ซึ่งมีการจัดครั้งแรกเมื่อปี 2022 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่โลกประสบปัญหาโรคโควิด ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักเป็นเวลากว่า 2 ปี ดังนั้น ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการจึงคิดว่าจะต้องมีอีเวนต์สำคัญๆ ในการประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว และการจัดงานครั้งแรกก็เป็นความท้าทายมากแต่ก็ประสบความสำเร็จด้วยดีมีผู้คนเข้ามาร่วมชมงานจำนวนมาก และที่สำคัญต้องขอบคุณกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้สนับสนุนทุกคนที่ร่วมในการเปิดประเทศครั้งที่ 1 หลังจากนั้นมาโลกก็เผชิญกับปัญหามากมายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า สงครามของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งผู้ประกอบการไทยและภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเตรียมรับมือ ครั้งนี้เราจัดเป็นครั้งที่ 2 คือ FTI Expo 2025 วัตถุประสงค์เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมไทยในการไปต่อ ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ทำอย่างไรที่เราจะเห็นช่องทางที่อุตสาหกรรมของเราจะเข้าไปสู่การเป็นสินค้าที่โลกต้องการนั่นคือภารกิจ การจัดงาน FTI Expo 2025 ครั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคที่มีความสำคัญต่อ GDP และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศ มีสัดส่วน GDP ของประเทศถึง 1 ใน 3 แต่ความท้าทายและการแข่งขันมากมายที่เกิดขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องปรับตัว ต้องรวมพลัง จึงเป็นที่มาของนโยบายของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่เรียกว่า One FTI ประกอบด้วย ONE Vision, ONE Team, และ ONE Goal จะต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วน 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 76 จังหวัด ผนึกกำลังรวมเป็นหนึ่งและมีทิศทางในการขับเคลื่อนที่ชัดเจน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้แบ่งอุตสาหกรรมออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. First Industries หรืออุตสาหกรรมดั้งเดิม ที่ประกอบด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม (11 คลัสเตอร์) 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด (5 ภาค/คลัสเตอร์จังหวัด) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศมาประมาณ 50 ปี หลังจากประเทศไทยได้เปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมมาเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่เป็นอุตสาหกรรมที่ต่างประเทศเข้ามาลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต และเราเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่ จนกลายเป็น OEM (Original Equipment Manufacturer) คือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง วันนี้โลกเปลี่ยนไปเทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันและรวดเร็ว เพราะฉะนั้นสินค้าหลาย ๆ อย่างเริ่มไม่เป็นที่ต้องการ เริ่มล้าสมัย ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น SMEs จึงมีมาตรการสำคัญที่จะมาช่วยให้กลุ่มนี้ไปต่อได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยนโยบาย 4GO ประกอบด้วย
1) GO Digital & AI เสริมพลังเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับคนตัวเล็กให้แข่งขันได้ ซึ่งภาครัฐเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนในเรื่องนี้
2) GO Innovation เป็นจิ๋วแต่แจ๋ว เราไม่ได้เป็นประเทศใหญ่ ไม่ใช่ผู้ผลิตของที่ถูกที่สุดแต่เราจะต้องมีนวัตกรรมเพื่อให้เกิดความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะประกาศตั้งสภา Innovation ขึ้น ณ เวทีแห่งนี้ เพื่อจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของ Innovation จากพันธมิตรทั่วโลกที่จะมาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
3) GO Green จะต้องเข้าสู่โลกแห่งความยั่งยืน ทิศทางของการรักษาสิ่งแวดล้อม SMEs จะต้องเข้าใจเพื่อสามารถสร้างความเข้มแข็งได้ และจะสร้างแต้มต่อให้ประเทศไทย
4) GO Global ซึ่ง SMEs จะต้องแสวงหาตลาด และภาคการผลิตจะต้องเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมใหม่ๆ เข้าใจมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นรถ EV ที่กำลังเกิดขึ้นหรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ เพราะฉะนั้นทั้งหมดจะเป็นมาตรการการขับเคลื่อน SMEs ดั้งเดิมให้สามารถไปต่อได้
2. อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) ขณะนี้ภาครัฐได้กำหนดชัดเจน และมีมาตรการในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศไทยจะเดินไปได้แน่นอนด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนรวมถึงภาคการศึกษาต่างๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเข้าไปสู่เวทีโลกได้มากขึ้น และจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเหมือนกับปี 2567 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าเรามาถูกทาง และมีหลายอย่างที่ต้องช่วยกันปลดล็อก ทั้งเรื่องกฎหมายที่ยัง ไม่เอื้อ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะประกาศการทำโรดแม็ป AI ของประเทศร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะแสดงศักยภาพ พร้อมที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ พร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตของสินค้าแห่งอนาคต และที่สำคัญพร้อมที่จะทำให้ SMEs ของไทยสามารถแข่งขันได้ภายใต้นโยบาย Made in Thailand (MiT) สินค้าของไทยขณะนี้เป็นระดับมาตรฐานโลก
สำหรับการจัดงาน FTI EXPO 2025 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการ และยกนวัตกรรม เทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาจัดแสดงโดยแบ่งเป็น 7 โซน
Innovation Showcase นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมสุดล้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย
BCG & Climate Change นำเสนอแนวคิด ไอเดีย เพื่อต่อยอดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
Future Trend นำเสนอแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน
Start Up Pitching รับฟังไอเดียและแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจกับเหล่าสตาร์ทอัพ
Business Matching จับคู่เจรจาธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
Awards มอบโล่รางวัลสำหรับอุตสาหกรรมต้นแบบ BCG และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก Made in Thailand (MiT) รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
FTI Outlet จำหน่ายสินค้าคุณภาพจากโรงงานสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศในราคาพิเศษ