“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ประโยชน์ 3 ด้านเพื่อประเทศและคนไทย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ตอนพิเศษ การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาสที่ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี ในปีนี้ ว่า ในช่วงการเยือนยังได้พบผู้นำจีนทั้ง 3 ระดับ คือ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เพราะการได้พบผู้นำประเทศจีนทั้ง 3 ระดับนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย โดยได้หารือถึงการส่งมอบหมีแพนด้ายักษ์ 2 ตัว มาไทย การสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ 72 พรรษา พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาชมความสวยงามของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน ที่มีเทศกาลสงกรานต์โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจท่องเที่ยวจะดูแลพี่น้องนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างดี และได้เล่าเรื่องพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ให้กับสื่อมวลชนจีนรับทราบ ต่างฝ่ายชื่นชมซึ่งกันและกัน รวมถึงแผนงานความสัมพันธ์ระหว่างกันในอีก 50 ปีต่อจากนี้ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้ นี่คือเรื่องที่ 2 ประเทศได้คุยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์นั้น ทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยอย่างจริงจัง ซึ่งประธานาธิบดีจีนชื่นชมไทยที่มีการจัดการเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และจะตั้งทีมทำงาน 2 ทีม เพื่อช่วยกันในเรื่องนี้ โดยจีนประสงค์จะช่วยมากกว่านี้ แต่ขอเพียงการตั้ง 2 ทีม    ที่จะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วยกำกับดูแลในการพูดคุยของทั้ง 2 ทีม ที่พูดคุยแล้วสามารถหาข้อสรุปได้ทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือด้าน “ซอฟต์พาวเวอร์” ระหว่างกัน เช่น มวยไทย ร้านอาหารไทย ว่าจะทำอะไรร่วมกับจีนได้บ้าง โดยจะมี working team ติดต่อกันอีกครั้ง ส่วนสินค้าเกษตรของไทยนั้น จะให้จีนกับไทยร่วมกันกำหนดมาตรฐาน เพื่อให้มีมาตรฐานเท่ากัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับไปดำเนินการต่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการเสียต้นทุนน้อยที่สุด มีกำไรมากขึ้น เกิดความสะดวกเพิ่ม เป็นการเปิดช่องทางสินค้าเกษตรไทย ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า ชอบทุเรียนหมอนทอง และมะม่วง นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นคนไทยพอได้ยินอย่างนั้น ก็ดีใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง รถไฟความเร็วสูงและโครงการ Landbridge ว่า รถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 และ 2 ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง หากเสร็จแล้วทั้งจีน ลาว ไทย จะสามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถส่งทุเรียนหมอนทองไปมอบให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ เป็นการลดต้นทุน เพิ่มโอกาส SMEs และเกษตรกรไทย และยังเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และขอให้ไทยเร่งดำเนินการ ซึ่งได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดเรื่องนี้แล้ว

จีนยังให้ความสนใจโครงการ Landbridge มากเช่นกัน และต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น หากโครงการเกิดขึ้น จะมีการเชื่อมกันและจีนได้ขอข้อมูลผลการศึกษาโครงการเนื่องจากจีนเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมอบหมายให้ทีมที่ทำการศึกษาโครงการดังกล่าว ส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ รวมทั้งการเชิญชวนมาลงทุนด้วย

การมี Landbridge จะช่วยลดเวลาการส่งออกได้ 4 วัน สามารถประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ 15 % ช่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้ต้นทุนถูกลง ผู้บริโภคก็ซื้อของในราคาที่ถูกลง ได้ผลดีทั้งระบบ โดยจะดำเนินการควบคู่กับเรื่อง Green Energy ประหยัดพลังงานด้วย นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง หรือฮับโลจิสติกส์ สร้างโอกาสการจ้างงาน และการซื้อขายสินค้า

สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เชิญชวน บริษัท Xiaomi ให้มาสร้างโรงงานผลิตรถ EV ที่ประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงานในประเทศ ซึ่งไทยได้พูดคุยกับประเทศในอาเซียน และมีบทบาทในเวทีอาเซียน ก็จะเป็นอีกข้อเสนอสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ ได้มีการเซ็น MOU 14 ฉบับ ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อจีนให้ความสนใจ และได้ประโยชน์ อาทิ ข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ที่จะแชร์ร่วมกันระหว่างไทยกับจีน สแกมเมอร์ ข้อมูลการพัฒนาต่างๆ เช่น เครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งจะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้

ส่วนการพบภาคเอกชนและสื่อมวลชนจีน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการพบและพูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์ อย่าง POP MART Xiao Hong Shu Meitu Dianping เรื่องการนำร้านอาหารไทย ขึ้นบนแพลตฟอร์มจีน โดยได้แนะนำแอปพลิเคชัน สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ตำรวจไทยจัดทำขึ้น เพราะต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อให้นำไปไว้บนแพลตฟอร์มจีน และขอขอบคุณที่มาช่วยกันสื่อสารให้กับประชาชนจีนทราบ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ได้พบนักกีฬาไทย รู้สึกดีใจมาก ได้ร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน Ice Hockey ชายทีมชาติไทย และคิดว่าน่าจะนำกองเชียร์ไทยไปร่วมเชียร์ พร้อมให้กำลังใจนักกีฬาที่ร่วมแข่งขันและรู้สึกประทับใจนิทรรศการน้ำแข็งที่มีสวยงามมาก รวมถึงพิธีเปิดการแข่งขัน อีกทั้ง ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของ นายปอล ฮองรี วิเยอร์ต๊องส์ นักกีฬาเอเชียนวินเทอร์เกมส์ ที่คว้าเหรียญทองแดงแรกจากกีฬา Freestyle skiing

ในช่วงท้ายรายการ นายกรัฐมนตรีได้สรุป 3 เรื่องใหญ่ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับจากการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ คือ

1. ความมั่นคง ได้ความร่วมมือการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องลดลงและเห็นผลอย่างรวดเร็ว  

2. การค้า Landbridge การตรวจสอบคุณภาพ (QC) สินค้าที่จะส่งออก จะสามารถส่งออกสินค้าได้เร็วขึ้น ไม่เสียต้นทุนมาก โดยเฉพาะ Landbridge เมื่อเกิดขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจ้างงานเพิ่ม สินค้าเกษตรที่ล้นตลาดก็จะไม่ล้น

3. ความสัมพันธ์ระดับประชาชน-ประชาชน (People to People) เชื่อมสัมพันธ์ของไทย-จีน ที่มีต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งต่างเห็นพ้องว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ให้ยาวนานต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง