นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบนโยบายและข้อสั่งการ ในการลงพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และร่วมประชุมการดำเนินงานมิติด้านความมั่นคงจังหวัดชายแดนใต้ โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีการปรับยุทธศาสตร์แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้หารือในระดับบังคับบัญชาแล้ว กำลังรวบรวมเป็นยุทธศาสตร์ คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ จากนั้นจะลงพื้นที่เพื่อประชุมเฉพาะด้านการแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดนใต้อีกครั้งและขอฝากให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ ช่วยกันตีความศาสตร์พระราชา เรื่อง “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ให้เข้าใจลึกซึ้ง และแปลงสู่การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดบนแนวทางสันติสุข และบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดความรุนแรง โดยพื้นที่สามารถออกแบบการดำเนินงาน อุปกรณ์และงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และดูแลสวัสดิการอย่างเต็มที่ สามารถเสนอมาได้โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมโครงการฝึกตอบโต้เหตุการณ์การป้องกันฝุ่นขนาดเล็กในเขตเมืองและการเผชิญสถานการณ์ไฟป่าจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2568 ณ สำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยก่อน การประชุม นายอนุทิน และคณะ ได้ร่วมชมการสาธิตการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญโดยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ซึ่งผ่านการฝึกอบรมโครงการฝึกขีดความสามารถ กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อส.จชต.) หลักสูตรผู้นำ อส.จชต. โดยความร่วมมือของกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดนและกองทัพบก และการสาธิตเครื่องมือ เครื่องจักรกล เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องหาวิธีการลดผลกระทบมากที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจของประเทศและสุขภาพของประชาชน ด้วยการบังคับใช้มาตรการตามกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ขณะเดียวกัน ต้องดำเนินมาตรการป้องกันควบคู่ไปด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบให้เกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้คนเจ็บป่วย ดังนั้น ถ้าควบคุมไม่อยู่ หรือไม่ได้รับความร่วมมือ แล้วยังมีผู้ฝ่าฝืน ก็ต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย
นายอนุทิน พร้อมด้วยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้ลงพื้นที่ ติดตามการบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำดื่มสะอาด ณ วัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา โดยนายอนุทิน กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้งและน้ำดื่มสะอาด มีความสำคัญกับประชาชนทั้งสิ้น ซึ่งช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีพื้นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 10 ตำบล 92 หมู่บ้าน 18,337 ครัวเรือน ราว 47,000 คน มีผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย 9,000 บาท รวม 16,829 ครัวเรือน ได้รับเยียวยาแล้ว 16,397 ครัวเรือน ส่วนที่ยังตกค้างจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในที่ประชุม ครม.สัญจร ครั้งนี้
ทั้งนี้จากปัญหาที่เกิดขึ้นประกอบกับการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จึงมีแนวทางแก้ไขโดยการขุดลอกคูคลอง ขุดท่อระบายน้ำ ขนานกับถนนสาย 42 และขุดลอกคลองสาขาเพื่อเร่งการระบายน้ำ ส่วนในช่วงฤดูร้อนที่ในแต่ละปี มีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน จะแก้ปัญหาโดยการขุดอ่างเก็บน้ำ สร้างแก้มลิง กักเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง ในส่วนของน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค ปัจจุบันมาจาก 4 แหล่งหลัก คือ ประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งยังไม่ครอบคลุม ขณะที่ประปาหมู่บ้านห่างไกลจากแหล่งผลิตของการประปา ส่วนประปาท้องถิ่น ขาดงบประมาณในการซ่อมบำรุง และน้ำบาดาล ที่คุณภาพยังไม่ดีพอสำหรับใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะการเก็บกักน้ำเพื่อเพิ่มต้นทุนน้ำให้มีอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ภายในปี 2568 ประชาชนในอำเภอนาทวี จะมีน้ำดื่มฟรีภายใต้โครงการน้ำดื่มสะอาด Mini Station อย่างแน่นอน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมรับฟังรายงานจากหัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ที่ขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับการขนส่ง และรถที่ใช้ในการขนส่ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีผลผลิตทางการเกษตรเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งปริมาณผลผลิตจะมีความแปรผันตามฤดูกาล ทำให้ในช่วงฤดู เก็บเกี่ยวอาจเกิดภาวะขาดแคลนอุปกรณ์สำหรับการขนส่งได้
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบขนส่งมีประสิทธิภาพดี แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือการตรวจสอบว่าสิ่งของที่ถูกส่งว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการขนส่งสิ่งของ
ผิดกฎหมายหรืออุปกรณ์ที่อาจถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด อาทิ อุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์ ซึ่งเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตรวจสอบสิ่งของที่จัดส่งอย่างละเอียดรอบคอบ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุมแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนน และลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ โดยนายสุริยะ กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งโลจิสติกส์ เป็นปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง จึงได้กำหนดการประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายอำเภอหาดใหญ่ – ชายแดนไทย – มาเลเซีย ของกรมทางหลวง โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ของกรมทางหลวงชนบท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในเส้นทางภาคใต้ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยที่สำคัญ ของกรมเจ้าท่า และแผนแม่บทท่าอากาศยานหาดใหญ่ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลและช่วยผลักดันโครงการให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ต่อไป นอกจากนี้ นายสุริยะ ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และได้มอบนโยบายสำหรับการดำเนินงานโครงการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและเปิดให้บริการตามเวลาที่กำหนด
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชน ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนความเห็นต่อการพัฒนากลุ่มจังหวัดฯ เพิ่มเติม โดยภาคเอกชนกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นำมาเสนอ 33 โครงการ รวม 56 โครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ คือพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของท่าเรือน้ำลึก
นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ถ้าหากมีท่าเรือน้ำลึกของภาครัฐจะช่วยในพื้นที่ตรงนี้ได้หลายอย่าง มีหลายประเทศสนใจมาทำคลังน้ำมัน หากสามารถตั้งคลังน้ำมันได้ จะสามารถส่งน้ำมันขายได้ 2 ฝั่งทะเล โดยไม่ต้องอ้อมไปสิงคโปร์ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพของประเทศไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าจะพัฒนาภาคเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และจะสร้างรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมทางการค้า และการลงทุนด้วย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลสุขภาพ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมุ่งพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ผ่าน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข อาทิ “หมอพร้อม” “MOPH Refer” และ “Imaging HUB” เพื่อยกระดับระบบสาธารณสุขไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในครั้งนี้เป็นไปตามกรอบธรรมาภิบาลและมาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขอย่างไร้รอยต่อ ปัจจุบันมีหน่วยบริการทั่วประเทศเชื่อมโยงระเบียนประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคลแล้วทั้งสิ้น 10,435 แห่ง
ภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ของกระทรวงสาธารสุข กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ของทั้งสองส่วน สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านการยืนยันตัวตนตามมาตรฐานปลอดภัยระดับสูงสุด เกิดระบบตรวจสอบประวัติผู้ป่วยได้รวดเร็ว นำไปสู่การวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน รวมทั้งนำไปใช้ในการพัฒนา การให้บริการด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
นายสมศักดิ์ ระบุว่า การเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจะทำให้การรักษาพยาบาลของบุคลากรทางการแพทย์ง่ายขึ้น สามารถแชร์องค์ความรู้กันได้ และระบบดิจิทัลยังทำให้ประหยัดเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ถ้ามีระบบดิจิทัลเชื่อมโยงข้อมูลจะเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์ทั้งประชาชนและประเทศ ทั้งนี้เป็นการนำร่องที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจะร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ด้วย
จากนั้นนายสมศักดิ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการ Kick Off การฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ในเด็กนักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ณ โรงเรียนจงรักสัตย์วิทยา อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ
ได้เลือกโรงเรียนนี้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม และแผนการฉีดวัคซีน HPV ในเด็กและเยาวชน ในโรงเรียนพื้นที่ 14 จังหวัด ภาคใต้ มีแผนการดำเนินงานให้ครอบคลุมก่อนปิดภาคเรียน มีการเพิ่มหน่วยบริการในพื้นที่เพื่ออำนวยการ สนับสนุนกิจกรรมการฉีดวัคซีนชนิดนี้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง ณ นิคมสร้างตนเองควนขนุน อำเภอป่าพะยอม เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการพัฒนาทุนมนุษย์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสังคม และส่งเสริมอัตลักษณ์ในนิคมสร้างตนเอง โดยเยี่ยมชมกิจกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เป็นการส่งเสริมอาชีพด้านเกษตรกรรม การมอบวัวให้กับครอบครัวเปราะบางจำนวน 2 ตัว เป็นการส่งเสริมด้านการปศุสัตว์ และร่วมกิจกรรมถักทอผ้าลายโบราณ เป็นการส่งเสริมด้านหัตถกรรม การสาธิตการทอ “ผ้าลานข่อย” และลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ณ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11
ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสงขลา และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบปะ หารือกับ ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และผู้นำศาสนาในพื้นที่ ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมมอบอินทผาลัมแก่ผู้แทนมัสยิดทั้ง 724 แห่ง ในจังหวัดปัตตานี เป็นการสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจอันดีงามของพี่น้องไทยมุสลิมและสนับสนุนผู้ถือศีลอดให้ได้ประกอบศาสนกิจได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักศาสนาอิสลามในช่วงเดือนรอมฎอนที่ใกล้จะมาถึง
คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เตรียมนำเสนอเรื่องการแก้ปัญหาการใช้ที่สาธารณประโยชน์และการใช้น้ำสะอาดในการปฏิบัติศาสนกิจ ที่อาคารสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และตามมัสยิดในพื้นที่ หลังประสบปัญหาการใช้น้ำแดง น้ำสนิมในการอาบน้ำละหมาด ปฏิบัติศาสนกิจ มาหลาย 10 ปี จึงอยากขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการแก้ไข
ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า หลังรับทราบปัญหาจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เรื่องของน้ำแดง น้ำเป็นสนิม ซึ่งทางอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รับทราบปัญหาแล้วและเร่งสำรวจ ดำเนินการแก้ไขทันที โดยการขุดเจาะน้ำบาดาล พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจวัดคุณภาพน้ำเพื่อติดตั้งระบบกรองน้ำที่เหมาะสมกับการบริโภค เพื่อให้พี่น้องมุสลิมใน จ.ปัตตานี ได้มีน้ำกิน น้ำใช้ ที่สะอาด สามารถใช้ในการปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างยั่งยืน
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ “มีอยู่ มีกิน มีใช้” ที่ โรงแรมบีพี สมิหลาบีช อำเภอเมืองสงขลา ซึ่งจะมีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา แก่ลูกหนี้ กยศ. โดยกล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ ได้มีโอกาสเจรจาไกล่เกลี่ยและมีข้อตกลงเรื่องหนี้สินร่วมกัน โดยเฉพาะหนี้สินของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและกำหนดนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งปัจจุบันบุคคลที่เป็นหนี้ดังกล่าว ได้มีการถูกฟ้องร้องและถูกยึดทรัพย์บังคับคดีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่เป็นหนี้ให้มีโอกาสผ่อนผันการชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้หรือบริหารจัดการหนี้ของตนเองให้เหมาะสม
สำหรับการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยครั้งนี้ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสงขลา ได้ออกหนังสือเชิญลูกหนี้ เพื่อมาร่วมโครงการ จำนวน 4,200 ราย ทุนทรัพย์ 2,008,747,164.40 บาท และมีสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เข้าร่วมโครงการเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ ทั้งหมด 11 สถาบัน
พันตำรวจเอก ทวี ยังลงพื้นที่เรือนจำกลางจังหวัดสงขลา ร่วมเปิดกิจกรรม “เยี่ยมญาติใกล้ชิด” โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบสมุดบัญชีธนาคารให้กับตัวแทนผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ที่เป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพเช่นเดียวกับบุคคลภายนอกเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังดังกล่าวได้รับสิทธิ์อย่างทั่วถึง จำนวน 107 คน ซึ่งมีตัวแทนผู้ต้องขังเป็นผู้รับมอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า ผู้ต้องขังเป็นผู้ที่ก้าวพลาด ที่ครอบครัว และสังคมควรให้โอกาส เสริมสร้างพลังใจ และเปิดโอกาสให้สถาบันครอบครัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความอบอุ่นที่ขาดหาย ในช่วงเวลาที่ต้องอยู่ในเรือนจำ ขณะเดียวกัน การเสริมสร้างทักษะ วิชาชีพให้ผู้ก้าวพลาดภายในเรือนจำก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้บุคคลเหล่านี้ รู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่า หากออกจากกำแพงนี้ไป จะสามารถนำทักษะที่ได้เรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ได้
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมย่านเมืองเก่าสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าการเสนอขึ้นทะเบียนแหล่งสงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลาเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมของจังหวัดสงขลาในการยกระดับการบริการของพิพิธภัณฑ์โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ รวมถึงความคืบหน้าการจัดทำเอกสารเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกของแหล่งสงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางวิชาการและการบริหารจัดการพื้นที่ และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเรียบเรียงเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาภายในประเทศและนำส่งต่อศูนย์มรดกโลก ประกอบด้วย พื้นที่ศูนย์กลางชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานรอบทะเลสาบสงขลา โดยเมื่อปีที่ผ่านมาคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ได้ประกาศรับรองการบรรจุรายชื่อแหล่งสงขลาฯ ของไทยในบัญชีชั่วคราวแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ติดตามความพร้อมสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ด้านอาหารในวิถีลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา ซึ่งทุกภาคส่วนของจังหวัดได้มีความพร้อมในการยกระดับและพัฒนาศักยภาพเมืองพหุวัฒนธรรมด้านอาหารที่มีความหลากหลาย
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดสงขลา ติดตามการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า คณะฯ ได้ลงตรวจเยี่ยมสถานประกอบการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 2 แห่ง ได้แก่
1) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมจักสานกระจูดบ้านห้วยลึก ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ประกอบการผลิตสินค้าหัตถกรรมจักสานจากต้นกระจูดด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น และเป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ปัจจุบันกลุ่มฯ ได้พัฒนารูปแบบของสินค้าหัตถกรรมให้มีความหลากหลาย ทันสมัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามสมัยนิยม
2) บริษัท ซีพีแรม จำกัด (สุราษฎร์ธานี) ตั้งอยู่ที่ ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน และเบเกอรี่อบสด ที่มีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเป็นของตนเอง
นายเอกนัฏ กล่าวว่า “พื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยนับเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งการลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการตั้งแต่วิสาหกิจชุมชนที่มีการผลิตสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสมัยนิยมเป็นที่สนใจของคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งสามารถผลักดันให้เป็น Soft Power ได้ จนถึงผู้ประกอบการโรงงานก็เป็นส่วนสำคัญที่ใช้วัตถุดิบการผลิตจากในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งยังเกิดการจ้างงาน และการหมุนเวียนการใช้จ่ายในชุมชนรอบโรงงาน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมผู้ประกอบการและดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย”
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สงขลา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด โดยกล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านฯ เป็นโครงการสำคัญที่ริเริ่มมาแล้วกว่า 20 ปี แม้ที่ผ่านมาจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ผ่านมาได้อย่างเข้มแข็ง ช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างดี และตั้งใจจะพัฒนากองทุนฯ นี้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2568
โครงการ SML เป็นโครงการให้เปล่ามอบทุนตรงสู่หมู่บ้าน 200,000-400,000 บาท ตามขนาดของหมู่บ้าน ให้เป็นแหล่งทุนในการพัฒนาสาธารณูปโภคและเศรษฐกิจส่วนรวม ให้อำนาจตัดสินใจเลือกโครงการโดยประชาชนในพื้นที่มาทำประชาคมร่วมกัน จะไม่มีการล็อก หรือเอื้อประโยชน์โครงการโดยส่วนกลาง หรือผู้อ้างเป็นตัวแทนรัฐมนตรี หรือตัวแทนรัฐบาลโดยเด็ดขาด หากประชาชนพบลักษณะการทุจริตดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล โทร 1111สำหรับ 14 จังหวัดภาคใต้ ปัจจุบัน มี 9,124 กองทุน ได้รับเงินสนับสนุน 23,300 ล้านบาท ส่วนใหญ่จดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว แต่ประมาณร้อยละ 20 มีปัญหาการบริหารจัดการทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียน เกิดจากหลายปัจจัยซึ่งเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ภาคใต้ เสนอให้มีการนำเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู
จากนั้น นางสาวจิราพร ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 ได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความท้าทาย ทั้งบริบทของความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว โดยเฉพาะการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วม ขอให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ มีการพัฒนาตนเองให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้การสื่อสารสู่ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของ อว.ที่อาคารนิทรรศการดาราศาสตร์ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ
พระชนมพรรษา ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา พร้อมมอบนโยบายการนำงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปพัฒนาต่อย่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดตามการดำเนินงานและเยี่ยมชมนิทรรศการการส่งเสริมการใช้ประโยชน์งานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้านดาราศาสตร์ เพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่ตลาดโลก (Halal Gateway) ที่ไม่เพียงใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริการ ซึ่งการรับรองมาตรฐานฮาลาลในส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนสำคัญต่อการยกระดับการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มมุสลิมที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักในภาคใต้ และเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะเปิดประตูขับเคลื่อนธุรกิจฮาลาลทั้งระบบ
นายอิทธิ ศิริลัทยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การส่งออก-นำเข้า และการป้องกันปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ณ ด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมกล่าวว่า ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ รวมทั้งกำกับดูแลการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสัตว์-ซากสัตว์ ตลอดจนบูรณาการกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานด้วย สำหรับด่านศุลกากรสะเดาถือเป็นด่านสำคัญของภาคใต้ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมากให้กับประเทศ และด่านแห่งนี้ยังมีจุดบริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service-OSS) จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการนำเข้า นำผ่าน ส่งออกสินค้าเกษตรให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อช่วยลดระยะเวลา ขั้นตอน และค่าใช้จ่าย ตลอดจนผลักดันมาตรการเพิ่มขีดความสามารถด้านส่งออกทั้งสินค้าประมง พืช และปศุสัตว์ ให้มีศักยภาพเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สำหรับภาพรวมการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ผ่านด่านกักกันสัตว์ปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 6,668 ล้านบาท
ด้านนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ ศูนย์เรียนรู้การปลูกส้มโอทัยทิมสยาม บ้านแสงวิมาน ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรม พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน มังคุด และส้มโอทับทิมสยาม ซึ่งเป็นสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัด ได้รับการรับรองเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาผลผลิตค่อนข้างสูง สร้างรายได้ให้กับจังหวัดมากกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท จังหวัดนครศรีธรรมราชกำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย และปรับปรุงระบบการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสนับสนุนการผลิตส้มโอทับทิมสยามให้มีคุณภาพได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาด สร้างความเข้มแข็ง และยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ลงพื้นที่ ติดตามการพัฒนาปรับปรุง ท่าเรือน้ำลึกสงขลา และรับฟังการประชุมการดำเนินงานของท่าเรือ และลงเรือสำรวจร่องน้ำ เสริมศักยภาพ ระบบการขนส่งท่าเรืออ่าวไทย นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การพัฒนาท่าเรือสงขลา มี 2 ปัญหา ที่ต้องดำเนินการแก้ไขคือ การขาดแคลนเครน ทำให้เรือที่ไม่มีเครน ไม่สามารถเข้ามาส่งสินค้าได้ ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส ดังนั้น หากมีการติดตั้งเครนจะช่วยให้ดึงเรือที่ไม่มีเครนเข้ามาได้ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันท่าเรือน้ำลึกสงขลา รองรับการนำเข้า-ส่งออก ดันสินค้าไทยส่งออกเพิ่ม ลดต้นทุนขนส่ง
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือ ร่องน้ำ ต้องมีความลึก 9 เมตร เพื่อสะดวกต่อการเดินเรือขนาดใหญ่สามารถเข้ามาส่งสินค้ากับท่าเรือสงขลาได้ การพัฒนาครั้งนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568
จะมีการเซ็นสัญญาส่งมอบเครน เสริมศักยภาพให้กับท่าเรือฝั่งอ่าวไทย พร้อมพัฒนาควบคู่กันระหว่างท่าเรือ ฝั่งอ่าวไทยและท่าเรือฝั่งอันดามัน จะเป็นโอกาสที่ดีให้ประเทศไทย
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมศูนย์บ่มเพาะการเรียนรู้ โรงเรียนสงขลาพัฒนาปัญญา อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมมอบนโยบายการจัดการเรียนการสอน เสริมพลัง สร้างกำลังใจแก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งโรงเรียนสงขลาพัฒนาปัญญา เป็นหนึ่งในโรงเรียนต้นแบบที่มุ่งบำบัดฟื้นฟูนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ มุ่งมั่นสานต่อนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนเป็นที่ประจักษ์ ภายใต้หลักการ การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และ การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต มุ่งสร้าง การศึกษาเท่าเทียม ผ่านเครือข่ายการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกระดับให้ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เพื่อพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัยให้ ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ มีศักยภาพและความพร้อมสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” นอกจากนี้ ยังดูแลการจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีลักษณะพิเศษอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และสอดคล้องกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา หารืออุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมในพื้นที่ ยกระดับผลิตภัณฑ์ไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกำชับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ภาคใต้ เร่งป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี รศ.ดร.อุดมผล พืชน์ไพบูลย์ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการพิเศษ นายวรสันติ์ โสภณ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ ม.อ. คณะผู้บริหาร บุคลากร และผู้ประกอบการ ร่วมให้การต้อนรับ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นายนภินทร กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ คือ การยกระดับระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพัฒนาศักยภาพของคน และนำเอาองค์ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในการต่อยอดธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญา ผลักดันผลงานนวัตกรรมในเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างจริงจัง พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้ประกอบการนวัตกรรมกว่า 12 ผลงาน ซึ่งจะต้องเร่งส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ของไทยในกลุ่มพื้นที่ภาคใต้ผ่านเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 200 ล้านบาท และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ระหว่างการลงพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหนังสือสำคัญการจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และผู้ประกอบการ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่มอบแนวนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ โดยบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและนักลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของไทย และความปลอดภัยของประชาชน อันเนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพ และไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยถูกถอดออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ และเน้นย้ำว่ารัฐบาลพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้นต่อไปตลอดจนพัฒนาระบบการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น