นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และจังหวัดสงขลา ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการประชุมจากการลงพื้นที่
การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่ผ่านมา และแนวโน้มปี พ.ศ. 2568 โดยสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2567 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลของมาตรการและนโยบายด้านเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) ลดลง ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด
การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและสงขลา จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพัทลุงและสงขลา ก่อนมาประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงขอสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เร่งหาแนวทางสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของพัทลุง และทุเรียนภูบรรทัด ทั้งในด้านส่งเสริมการเพาะปลูกให้แพร่หลาย รวมทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในชุมชนให้มากขึ้น
ส่วนในพื้นที่ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยทางจังหวัดและภาคเอกชน มีข้อเสนอให้ขุดลอกทะเลน้อย กำจัดวัชพืชต่างๆ ฟื้นฟูนิเวศ คืนธรรมชาติ พร้อมฟื้นการประมงและส่งเสริมอาชีพให้กับท้องถิ่น โดยขอให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรฯ ศึกษาและกำหนดแนวทาง พร้อมทั้งจัดเตรียมงบประมาณที่จำเป็นสำหรับดำเนินการ ให้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง และกระทรวงทรัพยากรฯ หามาตรการในการสนับสนุนและให้ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้อง สำหรับการทำประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลา เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของระบบการหมุนเวียนน้ำและพันธุ์ปลา เพื่อยกระดับให้ประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มากขึ้นด้วย ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เร่งหามาตรการในการเพิ่มแสงสว่างให้กับสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่กระทบต่อระบบนิเวศ
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มบริษัท ไทยยูเนียน ที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกอาหารทะเลไปต่างประเทศ โดยมีข้อเสนอสำคัญ ที่จะขอให้กรมประมง ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็ง ด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ที่ไทยเคยเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกครั้ง
ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีสั่งการว่า สำหรับตัวเมืองจังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งศึกษาการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับท้องถิ่น พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ในเมืองเก่าสงขลา อำเภอหาดใหญ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพในการเป็นศูนย์กลางการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่จะลงมาร่วมพัฒนาด้วย