เอฟทีเอ “ไทย-ภูฏาน” เตรียมลงนามต้นเมษายนนี้ ส่งออกสินค้าไทย เชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำเร็จการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 4 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเมื่อวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กรุงเทพฯ ว่า ไทยและภูฏาน สรุปผลการเจรจาได้รวดเร็วในเวลาเพียง 9 เดือน โดย FTA ไทย-ภูฏาน จะเป็น FTA ฉบับที่ 17 ของไทย และฉบับที่ 2 ของตน นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการเร่งดำเนินการเจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการส่งออกสินค้าของไทย ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะลงนาม FTA ไทย-ภูฏาน ในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทค ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 เมษายน 2568

ความตกลง FTA ไทย-ภูฏาน ครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งไทยและภูฏาน ตกลงให้มีการเปิดตลาดระหว่างกันในระดับสูงครอบคลุมมูลค่าระหว่างกันเกือบทั้งหมด โดยสินค้าที่ภูฏานสนใจจะนำเข้าจากไทย อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วน สินค้าเกษตรและอาหาร (ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารปรุงแต่ง) สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ FTA ไทย-ภูฏาน ยังเป็นกลไกช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีศักยภาพร่วมกัน อาทิ การท่องเที่ยว เกษตร การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา และพลังงานหมุนเวียน 

นายพิชัย กล่าวว่า FTA ไทย-ภูฏาน ถือเป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ของไทยให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่หรือเล็ก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สินค้าไทย และเป็น FTA ฉบับที่ 2 ที่ไทยปิดดีลได้สำเร็จ ภายหลังที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อจาก FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือเอฟตา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์และลิกเตนสไตน์ และไทยยังอยู่ระหว่างเจรจา FTA กับยูเออี สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้และอียู โดย FTA ไทย-อียู ซึ่งมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้ตามแนวทางการเจรจาที่ท่านนายกฯ ได้ให้ไว้

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยและภูฏาน มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในทุกระดับ ทั้งนี้ภูฏานสามารถเป็นตลาดส่งออกสินค้าให้กับไทยได้ในระยะยาวได้ โดยแม้ว่าจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่เศรษฐกิจของภูฏานยังเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับชาวภูฏานชื่นชอบและเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าไทยและต้องการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยมองว่า FTA ไทย-ภูฏาน จะช่วยให้ชาวภูฏานเข้าถึงสินค้าของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง