นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมและเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน โดยรัฐบาลสั่งการให้ทุกหน่วยงานภาครัฐบูรณาการความร่วมมือเดินหน้าปราบปราม หยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด หากพบเห็นว่าพื้นที่ใดมีการเปิดขายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีร้านขาย หรือมีการรับสินบนเพื่อให้เปิดร้านขายได้ก็จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทันที
นายอนุกูล ย้ำว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนในสิ่งที่ทำลายสุขภาพโดยได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ฝ่าฝืน โดยผู้ที่จำหน่ายหรือให้บริการมีความผิดตามกฎหมายจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ที่นำเข้าจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ
รัฐบาลได้เร่งเตือนภัยกลุ่มเด็กและเยาวชนจากกรณีปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่ขยายตลาดในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ โดยพบว่าปัจจุบันกลุ่มเด็กและเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์กับภัยอันตรายที่แฝงมากับผลิตภัณฑ์และด้วยรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันมักมีการโฆษณาขายสินค้าในโลกออนไลน์ที่มีราคาถูก โดยพบราคาต่ำสุดเพียงแค่ 99 บาท ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้โดยง่าย อีกทั้งด้วยลักษณะรูปทรงที่ดึงดูดใจต่อเด็กและเยาวชน และไม่โดดเด่นแปลกตา ทำให้ผู้ปกครองไม่ทันสังเกต ปัจจุบันพบบุหรี่ไฟฟ้ามาในลักษณะคล้าย Art Toy โดยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้าโดเรมอน”
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของไทยการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทั้งที่กฎหมายระบุอย่างชัดเจน ขาย ห้ามนำเข้า อีกทั้ง มาตรการคุมเข้มในการปราบปรามของหน่วยงานภาครัฐ แต่ยังมีการขายอย่างแพร่หลาย อีกทั้งผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้มีการปรับรูปแบบ รูปทรงที่ดึงดูดใจและแต่งกลิ่นให้มีความคล้ายขนม นม ช็อกโกแลต ทำให้เป็นการตบตาผู้ปกครอง ครูได้อย่างแนบเนียน มุ่งเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าเด็กและเยาวชน ทำให้แนวโน้มตัวเลขของเด็กและเยาวชนที่ติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยพบว่าจากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร พบตัวเลขของเด็กและเยาวชนไทยติดบุหรี่ไฟฟ้าถึง 18.6% โดยมีความเข้าใจผิดคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ถึง 61.23% เข้าใจว่านิโคตินส่งผลดีต่อร่างกาย 51.19% มีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน 50.2% เข้าใจว่าน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีส่วนผสมของนิโคติน 26.28% และเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายถึง 23.28% ด้วยปัจจัยจากผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเยาวชนเกี่ยวกับภัยอันตรายที่แฝงมากับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้ในปี 2567 กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นเยาวชนมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีการขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย และล่าสุดมีข่าวทำให้เด็กปอดอักเสบรุนแรง ว่า กระทรวงดีอี ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. โดยได้ดำเนินการปิดกั้นช่องทางการจำหน่ายออนไลน์จากทุกช่องทางเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ยอมรับว่า ยังมีเว็บไซต์ใหม่ๆ แอบขายอยู่ต่อเนื่อง ดังนั้น กระทรวงดีอี จะประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปราบปรามในเรื่องนี้ต่อไป พร้อมทั้งขอย้ำเตือนประชาชนว่าการขายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และมีโทษเกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูล ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในปัจจุบันเริ่มพบการแพร่ระบาดของ “บุหรี่ซอมบี้” พบการลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และในสถานที่รวมกลุ่มต่างๆ โดยมักอ้างสรรพคุณว่าทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย “บุหรี่ซอมบี้” คือ บุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมสาร Etomidate เป็นยากระตุ้นให้สลบชนิดออกฤทธิ์ระยะสั้นแต่ออกฤทธิ์เร็ว ออกฤทธิ์เหมือนยาเสพติด มีผลกระทบกับสุขภาพผู้สูบมาก ยิ่งมีการผสมยาและสารต่างๆ ลงไปยิ่งอันตรายเพิ่มมากขึ้น ขอเตือนกลุ่มวัยรุ่นรวมไปถึงประชาชนทั่วไป ที่คิดจะทดลองใช้ “บุหรี่ซอมบี้” หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผสมยาและสารต่างๆ ลงไป ให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้มาก ซึ่งร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ขายตั้งใจผสมสารชนิดใดลงไปมากน้อยเพียงใด อย่าหลงเชื่อคำชักชวนว่าปลอดภัยหรือลองแค่ครั้งเดียวไม่เป็นไร ทั้งนี้ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินที่มากขึ้น มีอาการง่วงซึมผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเพื่อน การเก็บตัวหรือหลบซ่อนในห้อง หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ต้องรีบเข้าไปพูดคุย ด้วยความรักและความเข้าใจ บอกกล่าวถึงอันตรายที่จะตามมา
ด้านนายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า สาร Etomidate เป็นยานำสลบ หรือยากระตุ้นให้สลบที่มีผลระยะสั้นแต่ออกฤทธิ์เร็วที่ใช้ในทางการแพทย์ ออกฤทธิ์กดประสาท เมื่อนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบมีอาการง่วงซึมอย่างรุนแรง อัตราการหายใจลดลง หรือเกิดภาวะหายใจช้าลงจนเป็นอันตราย ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้อาเจียนสับสน หมดสติ การนำสาร Etomidate มาผสมในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เพราะไม่สามารถควบคุมปริมาณการผสมได้ ถ้าสูดดมในปริมาณมาก อาจนำไปสู่การหายใจลำบากหรือภาวะขาดออกซิเจนได้ ทำให้หมดสติ หยุดหายใจ นอกจากนี้ยังเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว การสูดดมสาร Etomidate สามารถส่งผลให้ระบบการทำงานของหัวใจไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาหรือโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงและเสียชีวิตได้
แม้จะมีการเลิกสูบไปแล้วแต่ยังส่งผลในระยะยาวต่อฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้าง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ หากประสบปัญหาเรื่องยาและสารเสพติด รวมถึงสุราและบุหรี่ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง