นักเรียนไทยสร้างผลงาน ใช้ใบอ้อยทำ ศิราภรณ์-วิจิตราภรณ์ อีกแนวคิดลด PM2.5

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะครูและนักเรียนในระดับ ป.6 – ม.3 โรงเรียนบ้านข่อยสูง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ร่วมกันสร้างผลงาน เครื่องประดับศิราภรณ์ (เครื่องประดับศรีษะ) วิจิตราภรณ์ (เครื่องประดับอันงดงาม) ที่สวยงามอลังการ และสามารถใช้ได้จริง ในการสวมใส่เครื่องประดับแต่งกายการแสดง การร่ายรำ หรือศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สำคัญคือ เครื่องประดับเหล่านี้ทำมาจากใบอ้อย ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากการทำไร่อ้อยในพื้นที่

นายคารม กล่าวว่า อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจหลักในพื้นที่และปลูกเป็นลำดับต้น โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน พ.ย. 67-ก.พ.68 เป็นฤดูเก็บเกี่ยว มีใบอ้อยเหลือทิ้งจำนวนมาก ซึ่งเดิมเกษตรกรจะเผา ก่อให้เกิดมลพิษ
เป็นสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ครูและนักเรียนจึงช่วยกันคิด นำวัสดุเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ โดยประดิษฐ์เป็น “เครื่องประดับไทยจากใบอ้อย” ซึ่งใบอ้อย มีคุณสมบัติเหนียว ทน และยึดเกาะได้ดี โดยนำใบอ้อยมาหั่น
และตำให้ละเอียด นำไปผสมกับแป้งข้าวเจ้าที่ต้มกับน้ำให้จับตัวเป็นก้อน นวดผสมกับผงแคลเซียม ปูนยาแนว ทิชชู และใบอ้อย นวดให้เข้ากัน เท่านี้ก็จะได้ดินไว้สำหรับกดลาย เวลาจะใช้นำดินที่ผสมแล้วกดลงในแม่พิมพ์ตามลวดลายที่ต้องการ แล้วนำไปติดบนโครงหรือตัวเรือนเครื่องประดับ นำไปตากแดดให้แห้ง แล้วลงสีน้ำมัน สีทอง ปิดทองคำเปลว และประดับตกแต่งเพชรพลอย เท่านี้ก็จะได้ชิ้นงานวิจิตรสวยงาม

ทั้งนี้ ยังเป็นการช่วยลดปัญหาการเผาอ้อยในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล และยังช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของใบอ้อย เป็นการประหยัดงบประมาณการเช่าชุด ซึ่งการเช่าต่อครั้งชุดราคาค่อนข้างสูง และยังสร้างรายได้จากการให้เช่าเครื่องประดับระหว่างเรียนด้วย ซึ่งหัวใจสำคัญในการคิดค้นทำสิ่งประดิษฐ์ คือ   ลดการเผา ลด PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐาน สร้างสุขภาพที่ดี นอกจากนี้พบว่า ปัจจุบันผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องประดับไทย เริ่มมีน้อยลง เด็กๆ รุ่นใหม่ ได้สืบสานงานศิลป์ที่เป็นมรดกของชาติ ทำให้เยาวชนได้ศึกษา ต่อยอด และสามารถนำเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรายได้ ที่สำคัญใช้วัตถุดิบที่มีเป็นจำนวนมากในชุมชน โดยไม่ต้องซื้อหาแต่อย่างใด และยังสามารถสร้างอาชีพอีกด้วย หากกลุ่มอาชีพหรือหน่วยงานที่สนใจเรียนรู้ ทางโรงเรียนยินดีเผยแพร่องค์ความรู้ดังกล่าวสู่ชุมชน ติดต่อได้ที่เพจ โรงเรียนบ้านข่อยสูง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์

นายคารม กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชื่นชมแนวคิดของคณะครูและเด็กไทย มีความคิดสร้างสรรค์ มีศักยภาพ มีความคิดที่ทันสมัย คิดครอบคลุมถึงนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของ ซอฟต์พาวเวอร์และมาตรการช่วยลด PM2.5 ในต่างจังหวัด รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การประกอบอาชีพ รวมถึงด้านอื่นๆ ให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความภูมิใจในตัวเอง

สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สนอ.) ระบุว่า ภายหลังการเก็บเกี่ยวอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาล สิ่งที่ชาวไร่ต้องจัดการต่อคือ เศษซากใบอ้อยที่เหลือจากการตัดอ้อยสด ซึ่งประกอบด้วยส่วนของใบ กาบใบ และยอดอ้อยที่เหลือจากการมัดอ้อย ประมาณการน้ำหนักของเศษซากเหล่านี้อยู่ที่ 1-2 ตันต่อไร่ ซึ่งเกษตรกรชาวไร่อ้อยทราบกันดีอยู่แล้วว่า เศษซากใบอ้อยเหล่านี้ เป็นวัสดุปรับปรุงดินชั้นดีที่ตกค้างอยู่ในแปลงอ้อย ไม่ต้องซื้อหามาจากไหน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนย้ายมาใส่ และที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าใส่เพื่อนำมาปรับปรุงดิน เพียงแค่รักษาไว้โดยการไม่เผาทำลายและมีค่าใช้จ่ายในการพรวนสับเศษซากใบให้ละเอียดเพียงเล็กน้อย  แล้วนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากับดินเท่านั้น ชาวไร่อ้อยก็สามารถบำรุงดินได้อย่างง่ายดายพร้อมประโยชน์จากเศษซากอ้อยมหาศาล

ประโยชน์ของการบำรุงดินด้วยเศษซากใบอ้อย

  • เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุให้แก่ดิน
  • ทำให้ดินร่วนซุย มีการถ่ายเทอากาศและระบายน้ำได้ดี
  • เพิ่มปริมาณธาตุอาหารให้แก่ดิน
  • เป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา สะดวกต่อการปฏิบัติงานมีการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารที่สำคัญในเศษซากใบอ้อยพบว่า มีปริมาณธาตุไนโตรเจน ประมาณ 0.49 % ฟอสฟอรัส ประมาณ 2.10 % และโพแทสเซียม ประมาณ 5.80 % ดังนั้น หากปรับปรุงบำรุงโดยการพรวนคลุกเคล้าเศษซากใบอ้อย ซึ่งมีปริมาณ 1 – 2 ตันต่อไร่ ลงไปในดินจนมีการย่อยสลายแล้ว จะทำให้ดินได้รับธาตุไนโตรเจน ประมาณ 4.9 – 9.8 กิโลกรัมต่อไร่ ฟอสฟอรัส ประมาณ 2.1 – 4.2 กิโลกรัมต่อไร่ และโพแทสเซียมประมาณ 5.8-11.6 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้ประหยัดปริมาณปุ๋ยเคมีที่จะใส่ลงไปได้พอสมควร ซึ่งเป็นผลดีที่ได้รับ นอกเหนือจากการที่ดินมีปริมาณอินทรียวัตถุเพิ่มสูงขึ้น

จากข้อมูลดังกล่าว สามารถยืนยันได้ว่า เศษซากใบอ้อยที่เหลือจากการตัดอ้อยสด ให้คุณอเนกอนันต์ ด้านคุณค่าสารอาหารจากใบอ้อยสู่ดิน อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้ามคือ ใบอ้อยนำไปขายเข้าโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้ใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงได้

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ปฏิรูปอุตสาหกรรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ซึ่งคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนแนวทางและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 โดยได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ซึ่งจะมีการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย เฉพาะเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดและเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลหรือโรงงานที่ใช้พลังงานชีวมวล ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน เนื่องจากจะทำให้ชาวไร่อ้อยเห็นคุณค่าและช่องทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มของใบและยอดอ้อย ทำให้ลดการเผาใบและยอดอ้อยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง