นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ ภาคเอกชนและตัวแทนเกษตรกรชาวนา เข้าร่วม โดยที่ประชุม นบข. ได้มีการพิจารณาและเห็นชอบร่วมกันในมาตรการการสนับสนุนช่วยเหลือชาวนา ในช่วงการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกข้าวนาปรังของประเทศ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเงื่อนไขให้เกษตรกรวางแผนปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังบางส่วนไปปลูกพืชอื่นที่ให้มูลค่าสูงขึ้น หรือปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่เพาะปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป็นต้น
- ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันกำหนดเงื่อนไข
ที่เหมาะสม เกษตรกรสามารถดำเนินการได้มีประสิทธิภาพ รวมถึงให้สอดคล้องกับกลไกตลาด ก่อนนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติและจัดสรรงบประมาณต่อไป - ให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อวางแผนการดำเนินการด้านการพัฒนาการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้เป็นที่ต้องการของตลาดซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและรายได้ให้กับเกษตรกร และสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในด้านการตลาดข้าวทั้งภายในและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในยังได้มีมาตรการในการกระตุ้นการ บริโภคภายในประเทศ เป้าหมาย 500,000 ตัน ร่วมกับสมาคมข้าวถุง จัดทำข้าวถุง จากข้าวนาปรัง ส่งข้าวถุงให้ห้างค้าปลีก โมเดิร์นเทรด ร้านค้าท้องถิ่นดึงอุปทานออกจากตลาด ในส่วนของการส่งเสริมการส่งออกข้าวไทย โดยกรมการค้าต่างประเทศขอความร่วมมือ EXIM Bank พิจารณาจัดสรรสินเชื่อพิเศษให้ผู้ประกอบการส่งออกข้าว เพื่อกระตุ้นการรับซื้อและเก็บสต็อกข้าวจากเกษตรกร และเร่งรัดการซื้อขายตามสัญญากับประเทศจีน ปริมาณ 280,000 ตัน และเปิดตลาดส่งออกใหม่ที่แอฟริกาใต้ เพื่อดึงอุปทานออกจากตลาด
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญโดยเฉพาะข้าว พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งดำเนินมาตรการรองรับและช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ได้แก่
- ให้เน้นติดตามสถานการณ์พืชผลเกษตรทั้งหมดให้ความสำคัญกับข้าวเป็นหลัก พร้อมสั่งให้จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวนาปรัง เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลกและจังหวัดสุพรรณบุรี เตรียมให้ข้อมูลและอธิบายรายละเอียดให้กับเกษตรกร หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จะได้สรุปมาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกษตรกรรับทราบแนวทางช่วยเหลืออย่างชัดเจน
- ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้จีน ซื้อล่วงหน้าไปแล้วกว่า 1 ล้านตัน รวมถึงข้าว 280,000 ตันที่อยู่ระหว่างเจรจา ล่าสุดได้หารือกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ เพื่อขอให้จีนเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยจีนรับปากจะดำเนินการ
- ปาล์มน้ำมัน ที่ขณะนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงได้สั่งการให้ดูแลราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรับมือกับผลผลิตเกษตรอื่นๆ เช่น ทุเรียน หอมใหญ่และมะม่วง ปีนี้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเย็น ทำให้ผลผลิตออกมากกว่าปกติ
สำหรับราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณผลผลิตข้าวนาปีที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เตรียมเสนอมาตรการเร่งด่วนต่อคณะกรรมการ นบข. ได้แก่
1. ขยายโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปรัง ช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน ระยะเวลา 1-5 เดือน ในพื้นที่ 72 จังหวัด ปริมาณ 1.5 ล้านตัน วงเงิน 1,219.13 ล้านบาท
2. การเพิ่มช่องทางการตลาดในประเทศโดยเปิดจุดรับซื้อ รัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการตันละ 500 บาท ผู้ประกอบการช่วยซื้อในราคานำตลาด 300 บาทต่อตัน เป้าหมาย 300,000 ตัน ในพื้นที่ 72 จังหวัด งบประมาณ 150 ล้านบาท เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรที่ต้องการจะขายเลย
3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าว ช่วยดอกเบี้ยผู้ประกอบการ 6% สำหรับผู้ประกอบการเก็บสต็อก 2-6 เดือน และผู้ประกอบการรับซื้อราคาสูงกว่าตลาด 200 บาท/ตัน ขึ้นไป เป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงิน 524.40 ล้านบาท ทั้ง 3 มาตรการ ใช้งบประมาณรวม 1,893.53 ล้านบาท
และมาตรการอื่นๆ จากที่ประชุม โดยให้พาณิชย์จังหวัดในพื้นที่แหล่งเพาะปลูกข้าวนาปรังเตรียมพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลโดยทันที โดยให้เร่งประสานกับสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเข้าร่วมโครงการชะลอการจำหน่ายข้าวเปลือก รวมถึงจัดตลาดนัดข้าวเปลือกให้ครอบคลุมและทั่วถึง โดยต้องทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ในการประชุมกับพาณิชย์จังหวัด นายพิชัยยังเน้นย้ำให้พาณิชย์จังหวัดกำกับดูแลการรับซื้อข้าวของผู้ประกอบการและโรงสีในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อเกษตรกร รวมถึงการจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เช่น ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่ให้เกิดการเอาเปรียบเกษตรกร หากพบว่าพื้นที่ใดประสบปัญหาราคาตกต่ำให้รีบประสานกับกรมการค้าภายใน เพื่อหามาตรการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่โดยเร็ว โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการดูแลเกษตรกรทุกภาคส่วนและจะดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ราคาสินค้าเกษตรเป็นธรรมและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย
กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าหามาตรการขยายตลาดข้าวไทย โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) จาก 31 สคต. ใน 21 ประเทศ โดยมีนางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย พร้อมหารือแนวทางเร่งด่วนในการกระตุ้นการส่งออกข้าวไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก
- รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการผลักดันการส่งออกข้าว โดยเฉพาะหลังจากที่อินเดียกลับมาส่งออก ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกได้รับแรงกดดัน จึงมอบหมายให้ผู้ช่วยทูตพาณิชย์ขยายโอกาสทางการค้าของข้าวไทยให้มากขึ้น โดย “รักษาตลาดเดิม ฟื้นฟูตลาดเก่า แสวงหาตลาดใหม่” เพื่อช่วยยกระดับราคาข้าวให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้สูงขึ้น มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละประเทศ เช่น จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในประเทศคู่ค้าข้าวที่สำคัญ ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติประจำปีต่างๆ ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยผ่านช่องทางออนไลน์ ผลักดันการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
- รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า ล่าสุด ประสบความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หลายฉบับในช่วงที่ผ่านมา เช่น FTA ไทย-เอฟตา ที่สามารถเจรจาสำเร็จภายในเวลาเพียง 3 เดือน รวมถึง FTA ไทย-ภูฏาน และไทยยังมีเป้าหมายเร่งรัดเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรปให้สำเร็จภายในปีนี้
ตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ เพื่อเพิ่มแต้มต่อให้กับภาคธุรกิจและการลงทุนของไทยเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อเนื่อง และยังได้หารือกับสมาชิกสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดให้ข้อตกลง FTA ไทย-อียู บรรลุผลโดยเร็ว - กระทรวงพาณิชย์ยังเตรียมมาตรการกระตุ้นการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านโครงการ “Thailand Next Level” มุ่งเน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรม มีมูลค่าเพิ่ม ขณะเดียวกันยังมีแนวคิดปรับโฉมมาตรฐาน “Thai Select” ให้เป็นแบบดาวมิชลิน 1-3 ดาว เพื่อให้การรับรองร้านอาหารไทยมีความเป็นสากลมากขึ้น ในด้านเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ ด้านการค้าระหว่างทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือข้อมูลการจดทะเบียนการค้า เป็นการปรับตัวสู่รัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ช่วยกระตุ้นตัวเลขการส่งออกของไทยให้เติบโตต่อเนื่อง และสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมข้าวไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล