“จิราพร” เรียกประชุมด่วน แก้ปัญหา “บุหรี่ไฟฟ้า” ภัยร้ายทำลายเด็กและเยาวชน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานการจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลคันนายาวและสถานีตำรวจนครบาลโคกคาม กรุงเทพมหานคร และรายงานธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยสั่งการว่าในการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของเยาวชน นักเรียนและนักศึกษา โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่กลับพบว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่หมดไปและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามาในลักษณะที่หลากหลาย โดยมักจะมาในรูปแบบที่เหมือนลักษณะของใช้น่ารักทั่วๆ ไป

นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้า ออกกวาดล้างจับกุม และการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยให้เร่งแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้นและขอให้กลับมารายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำขอให้เร่งดำเนินการเร่งด่วน

นายกรัฐมนตรี หารือการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเยาวชน พื้นที่ใกล้โรงเรียน ร่วมกับ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้เป็นหลัก โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือถึงมาตรการคุมเข้มและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะพื้นที่ใกล้โรงเรียน สถานศึกษา ต้องไม่มีการขายให้เยาวชน พร้อมย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายแก่ประชาชน โดยเริ่มต้นที่การจัดการกับผู้นำเข้า seal ทุกจุด และจับกุมผู้ขายอย่างจริงจัง ตั้งเป้าหมายภายใน 30 วัน ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยและกรมศุลกากรในการปราบปรามอย่างเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การปราบปรามนี้เป็นการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกคนในสังคม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากทุกคน ทุกภาคส่วน ให้ช่วยดูแลเยาวชนในสังคม หากพบเห็นการขายให้แก่เด็ก และเยาวชน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อกรณีที่พบการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี จึงได้เชิญหน่วยงาน 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ เพื่อสกัดการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่นำไปส่งถึงมือผู้ซื้อ โดยการหารือแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 ระยะเร่งด่วน ระยะเฉพาะหน้า ต้องมีการปูพรมในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เน้นที่การนำเข้า การ seal พื้นที่ชายแดน ซึ่งกรมศุลกากรจะเป็นหน่วยงานสำคัญ มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้น นำการปราบปรามยาเสพติดเป็นแบบ เมื่อพบว่ามีการลักลอบนำเข้าจะไม่มีการระงับคดีเด็ดขาด จะส่งไปที่ตำรวจสอบสวนกลางเพื่อดำเนินคดี และจะส่งไปที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้มีการตรวจยึดทรัพย์ หรืออายัดทรัพย์ต่อไป ซึ่งจะเป็นการป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบนำเข้า สกัดกั้นชายแดน ขณะเดียวกันร้านค้าแบบมีหน้าร้านลักลอบจำหน่ายต้องมีการจับกุม โดยตำรวจบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกระทรวงมหาดไทย ส่วนร้านค้าออนไลน์ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA  และจะขอความร่วมมือแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้มงวดตรวจตราและจะจัดประชุมหารือร่วมกันกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มด้วย รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งที่จะต้องเข้มงวด จะต้องหารือไม่ให้มีการจำหน่ายบนโลกออนไลน์ได้ง่าย โดยในอนาคตจะมีการขึ้นโชว์บนแพลตฟอร์มเพื่อแสดงยอดการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ว่ามีจำนวนเท่าใด หากผ่านไปหนึ่งเดือนประชาชนจะเห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่

ส่วนที่ 2 คือ การประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ในเชิงรุก ซึ่งจะเน้นย้ำไปที่สถานศึกษาซึ่งเป็นความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี จะมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลัก ทำงานร่วมกันกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรมประชาสัมพันธ์ และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้ามาร่วมสนับสนุนภารกิจในการสร้างความตระหนักรู้ในการประชาสัมพันธ์ถึงโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าทั้งในนักเรียน ครู และผู้ปกครอง

ส่วนที่ 3 การศึกษาข้อกฎหมาย ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายหรือแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อให้การลงโทษเข้มข้นขึ้น อุดช่องโหว่ และให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นางสาวจิราพร กล่าวด้วยว่า กรณีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่และโดยเฉพาะในส่วนของตำรวจ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ประกาศแล้วว่าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าจะพิจารณาลงโทษทันที ทั้งนี้การวางแผนปูพรมกวาดล้างเริ่มดำเนินการทันที เพราะนายกรัฐมนตรีให้เวลา 30 วันที่จะต้องรายงานผล ส่วนของการวางมาตรการหรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องได้ให้หน่วยงานกลับไปทำแผน และใน 1 สัปดาห์จะมารายงานความคืบหน้ากันใหม่ ซึ่งในกรอบเวลา 15 วันจะต้องรายงานนายกรัฐมนตรีให้เห็นกรอบการทำงานและเห็นแผนการทำงานในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง