นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดโรคไข้ดำแดงในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของนักเรียน หากพบการระบาดในโรงเรียนขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาหยุดเรียน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคดำแดง และเพื่อให้มีการดำเนินการควบคุมโรคที่เหมาะสม โดยให้เร่งดำเนินการล้างทำความสะอาดห้องเรียน ของใช้ในห้องเรียนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะทำการเปิดโรงเรียน ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยคัดกรอง นักเรียนหากพบว่ามีไข้สูง ตัวร้อน เจ็บคอ ลิ้นจะนูนแดงคล้ายผลสตรอว์เบอร์รี หรือมีสิ่งที่บอกเหตุที่น่าสงสัยว่าจะติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ผู้ปกครองพานักเรียนไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ
สำหรับไข้ดำแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี โดยแบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่านการไอ หรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อาการผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ มีไข้สูง เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆ คล้ายสตรอว์เบอร์รี และมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง มักจะมีอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
นายคารม ย้ำว่า หากพบเด็กนักเรียนในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดดำแดง ขอให้บุคคลในครอบครัวหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาร่วมกับล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงใยถึงสถานการณ์ “ไข้ดำแดง” ที่กำลังระบาดแพร่กระจายหลายพื้นที่ในช่วงนี้โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคติดต่อภายในโรงเรียนได้อย่างรวดเร็ว จึงฝากครูและผู้ปกครองดูแลผู้เรียนอย่างใกล้ชิดตามมาตรการความปลอดภัยในสถานศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขในการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคระบาดในสถานศึกษามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองสุขภาพ การให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย การให้ความรู้และฝึกอบรมครูผู้สอน รวมถึงการยกระดับมาตรการปิดการเรียนการสอนชั่วคราวหากจำเป็น และการติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ไข้ดำแดงที่ระบาดอยู่ในช่วงนี้ มักพบในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว สามารถติดต่อผ่านการไอหรือจาม การใช้ของร่วมกัน การเล่นหรือสัมผัสกัน หากพบเด็กมีไข้สูงเฉียบพลัน เจ็บคอ มีผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทรายกระจายตามตัว ลิ้นแดงเป็นปุ่มคล้ายสตรอเบอร์รี่ ขอให้ครูและผู้ปกครองคอยสังเกตอาการของผู้เรียนอย่างใกล้ชิด เพราะผื่นแดงมักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก ถ้าไม่รักษาอาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นทำให้ป่วยหนักได้ หากพบเด็กมีอาการสุ่มเสี่ยงควรแยกตัวเด็กป่วยออกจากคนอื่นหรือให้หยุดเรียนจนกว่าอาการจะปกติเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นหรือมีคำสั่งจากสาธารณสุขจังหวัดให้ปิดเรียนในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง สามารถพิจารณาหยุดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรเป็นหลัก
ขอความร่วมมือทุกสถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันโรคแพร่ระบาดที่กระทบต่อสุขภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องสุขอนามัยในโรงเรียน เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดครั้งนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้เป็นช่วงใกล้ปิดเทอมผู้เรียนจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจไม่มีโรคภัยตามไปถึงบ้าน โรงเรียนต้องปลอดภัยสอดคล้องกับนโยบาย “เรียนดี มีความมสุข”
นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่พบเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ป่วยเป็นโรคไข้ดำแดง และมีการหยุดเรียนในบางชั้นเรียน ว่า กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการป้องกันตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยให้โรงเรียนคัดกรองเด็กทุกเช้า ให้เด็กที่ป่วยหยุดเรียน ขอความร่วมมือผู้ปกครองเฝ้าระวังโรคและสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ ของใช้ และของเล่นต่างๆ
นายแพทย์ภาณุมาศ ย้ำว่า โรคไข้ดำแดง ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ “สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ” ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น คออักเสบ โรคติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง จากข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคไข้ดำแดง ในวันที่ 1 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 พบผู้ป่วยจำนวน 455 ราย ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ค่ามัธยฐาน (ค่ากลาง หรือค่าเฉลี่ย) ผู้ป่วย 5 ปีย้อนหลัง จำนวน 605 รายต่อปี โดยโรคไข้ดำแดงมักจะเกิดในเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปี แต่กลุ่มอายุอื่นสามารถเกิดโรคไข้ดำแดงได้เช่นกัน อาการของโรคจะเริ่มจากมีอาการไข้ เจ็บคอ มีผื่นแดงตามลำคอ รักแร้ ลำตัว แขน หรือขา ลักษณะของผื่นเมื่อสัมผัสจะคล้ายกระดาษทราย ใบหน้าแดง ริมฝีปากซีด และอาจมีปื้นขาวที่ลิ้น ซึ่งภายหลังจะลอกออกทำให้ลิ้นมีลักษณะบวมแดง การติดต่อมักเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการ หรือผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรค หรือหายใจเอาละอองฝอยที่ติดเชื้อเข้าทางระบบทางเดินหายใจ ส่วนการติดเชื้อผ่านการรับประทานอาหารสามารถพบได้แต่น้อย
การป้องกันโรคทำได้โดย
1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้ดำแดง
3. สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อมีความจำเป็นต้องใกล้ชิดผู้ป่วย
4. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า เครื่องนอน เป็นต้น
5. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย หรือของใช้ของผู้ป่วย
6. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือปาก
7. หากพบเด็กป่วยควรแยกออกจากเด็กปกติทันที
8. หากพบผู้ป่วยหลายคนควรแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน
หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422