นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สหพันธ์โรคอ้วนโลก กำหนดให้วันที่ 4 มีนาคมของทุกปี เป็นวันโรคอ้วนโลก เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงภัยของโรคอ้วน เพราะจากคาดการณ์ประชากรโลก 1 ใน 4 หรือกว่า 1,900 ล้านคน จะมีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนในปี 2578 หากปล่อยไว้ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไปจนส่งผลให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดความผิดปกติทางเมตาบอลิก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง เพิ่มการอักเสบในร่างกาย เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง จึงช่วยกันรณรงค์วันโรคอ้วนโลก มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันปรับเปลี่ยนระบบสุขภาพ รวมทั้งชุมชนปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการป้องกันและจัดการ
โรคอ้วน สำหรับประเทศไทย รัฐบาลให้ความสำคัญกับโรคอ้วน ว่าเป็นปัญหาสาธารณสุข กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ได้จัดประชุมคณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโรคไม่ติดต่อร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อผลักดันระบบการส่งเสริมสุขภาพและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของประชาชนโดยใช้มาตรการทางกฎหมายให้เอื้อต่อการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ สนับสนุนมาตรการจัดเก็บภาษีน้ำตาลในเครื่องดื่ม มาตรการภาษีเกลือและโซเดียม ส่งเสริมการผลิตและบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและควบคุมการตลาดโฆษณาอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง โซเดียมสูง รวมทั้งสร้างความรอบรู้สุขภาพให้กับประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคอ้วน ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะช่วยลดอัตราการสูญเสียของประชาชน เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ