ดร. นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย หารือกับ Mr. Richard Sunday Aladetoyinbo อุปทูตรักษาการสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียประจำประเทศไทย ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างไทยและไนจีเรีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทยในทวีปแอฟริกา
ประธานผู้แทนการค้าไทย เผยว่า ไทยและไนจีเรียมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาโดยตลอด โดยไนจีเรียเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับต้นๆ ของไทย ด้วยศักยภาพด้านขนาดทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรที่มีกว่า 253 ล้านคน ซึ่งทั้งสองประเทศมีโอกาสและศักยภาพในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก เนื่องจากมีโครงสร้างทางการค้าที่เกื้อกูลกัน โดยปัจจุบัน ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง อลูมิเนียม เม็ดพลาสติก ข้าว เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม พลาสติกและรถยนต์ไปยังไนจีเรีย ขณะที่ไนจีเรียเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของไทยที่ นำเข้า น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะ ไม้ซุง และอัญมณี ตามลำดับ โดยมีการลงทุนที่สำคัญๆ ของไทยในไนจีเรีย อาทิ Indorama และ ปตท สผ. ซึ่งทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนเพิ่มเติม เพื่อโอกาสในการขยายมูลค่าการค้า
ดร. นลินี เสริมว่า ตนยังได้ติดตามการพิจารณาของร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจที่ไทยได้เสนอเมื่อปี 2556 (2013) โดยความตกลงดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน และเพื่อให้การดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ จะช่วยให้มีเวทีหารือเกี่ยวกับแนวทางการขยายการค้าและการ ลงทุน รวมทั้งการแก้ปัญหาและอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการนำเข้าข้าวจากไทย ซึ่งปีที่ผ่านมามีการนำเข้าข้าวจากประเทศไทย ประมาณ 35,000 ตัน และหวังว่าไนจีเรียจะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น และขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเป็นแหล่งนำเข้าข้าวที่มีคุณภาพและมาตรฐานของไนจีเรีย ตลอดจนผลักดัน Soft Power ด้านอาหารไทยและมวยไทยในประเทศไนจีเรียและภูมิภาคแอฟริกา นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อให้รองรับกับการลงทุนสมัยใหม่ และความร่วมมือในโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านกฎหมายและ Technical cooperation ผ่าน Nigerian Technical Aid Corps และกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนความร่วมมือด้านกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล
ดร. นลินี ทิ้งท้ายว่า ไนจีเรียมีศักยภาพเป็นประตูการค้าของไทยสู่ภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก รวมถึงประเทศต่างๆ ของภูมิภาคแอฟริกาที่ไนจีเรียมีความตกลงทางการค้าด้วย โดยเฉพาะ Africa Continent Free Trade Area (AfCFTA) ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนประชากร 1.3 พันล้านคน ขณะที่ไทยสามารถเป็นประตูสู่ ASEAN และ RCEP ที่เป็น ตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรกว่า 2.3 พันล้านคน ทั้งนี้ไนจีเรียเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยในภูมิภาคแอฟริกา และมีความต้องการสินค้านำเข้าสูง โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องจักรทางการเกษตร สำหรับการค้าระหว่างไทยและไนจีเรียในปี 2567 มีมูลค่ารวม 1,208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 54.19