นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ให้อยู่ดีกินดี ด้วยการสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุน ตามหลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” พร้อมตั้งเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนาและผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ในพื้นที่นำร่อง 500 ตำบล เพื่อเพิ่มรายได้สุทธิด้านการเกษตรให้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2570 และให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
กรมประมงจึงได้มีการผลักดันโครงการ สินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ในด้านประมง โดยได้ทำการคัดเลือกพื้นที่และสินค้าเกษตรมูลค่าสูงใน 3 กลุ่มคือ กลุ่มสินค้าเพื่อส่งออก กลุ่มสินค้าที่มีการแปรรูปมีตลาดภายในประเทศและกลุ่มสินค้าเกษตรและบริการเชิงสร้างสรรค์ เป็นสินค้าที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และเสน่ห์ชุมชนซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยในปีงบประมาณ 2568 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 64 ตำบล 61 อำเภอ 52 จังหวัด รวม 65 กลุ่มเกษตรกร ใน 13 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ปลาสวยงาม ปลาน้ำจืดมีชีวิต กุ้งทะเลมีชีวิต กุ้งก้ามกราม ปลากะพงขาว ปูทะเล กบนา หอยนางรม จระเข้ ปลานิล สินค้าแปรรูปจากสัตว์น้ำจืด สินค้าทะเลต้มสุก/แช่แข็ง และสินค้าแปรรูปจากสัตว์น้ำเค็ม โดยตั้งเป้าหมายการยกระดับรายได้ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปีแรก มีรายได้สุทธิครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.15 เท่าของปีฐาน ปีที่ 2 มีรายได้สุทธิครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ปีที่ 3 เพิ่มขึ้น 2 เท่า และสามารถเพิ่มรายได้เป็น 3 เท่าภายใน 4 ปี ตามกรอบแนวทางของนโยบายที่วางไว้
จากการติดตามผลการดำเนินโครงการ พบว่า มีหลายกลุ่มสินค้าประมงเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแปรรูป การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ไปจนถึงการเชื่อมโยงสู่การตลาดได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าโครงการ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2570 ตามเป้าหมายที่วางไว้ สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคตต่อไป