กรมศิลปากรและกรุงเทพมหานคร เตรียมบูรณะ “เสาชิงช้า” หลังพบรอยแตกและรอยผุ

สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง (สวพ.) สำรวจความเสียหายของโบราณสถานเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 พร้อมด้วยสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เบื้องต้นพบว่า ไม้เสาชิงช้าทั้ง 2 ฝั่งมีรอยแตกและรอยผุ บริเวณปลายยอดเสา

เบื้องต้น แนวทางซ่อมแซมและปรับปรุง ต้องค้ำยันก่อนจ้างศึกษาวิธีซ่อมและจ้างซ่อม เพื่อให้เสาชิงช้ามีสภาพที่มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัยต่อผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมและเพื่อความสวยงามให้อยู่คู่กับกรุงเทพมหานคร

เสาชิงช้า เป็นโบราณสถาน ขึ้นทะเบียนตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 105 ตอนที่ 188 ฉบับพิเศษ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 โดยกรมศิลปากรพิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า เนื่องจากเสาชิงช้าอยู่ในสภาพชำรุดเสียหายค่อนข้างมาก ควรต้องได้รับการซ่อมแซมโดยเร่งด่วน ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 จึงอนุญาตให้สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ดำเนินการซ่อมแซมโบราณสถานเสาชิงช้า

โดยขอให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขคือ การซ่อมแซมไม้ส่วนที่ชำรุด ควรซ่อมปรับปรุง (อุด ปะ) และซ่อมเปลี่ยน (ตัดต่อ) ด้วยไม้ชนิดเดียวกับไม้เดิมตามสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง กาวหรือวัสดุเติมเนื้อไม้ ควรใช้ชนิดสำหรับซ่อมไม้โดยเฉพาะซึ่งจะมีความยืดหยุ่นของวัสดุใกล้เคียงกับเนื้อไม้ การต่อชิ้นไม้ด้วยโลหะหรือวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ไม้ ควรใช้ชนิดไร้สนิมที่มีการยืดหดขยายตัว ของวัสดุต่ำ หรือยืดหดขยายตัวใกล้เคียงกับไม้ เพื่อลดการชำรุดของไม้บริเวณรอยต่อในอนาคต การเสริมกำลังหรือความมั่นคงด้วยวัสดุสมัยใหม่ ควรต้องมีการวิเคราะห์ปัญหา เชิงวิศวกรรมที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนก่อนกำหนดใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสริมความมั่นคงโดยไม่จำเป็น การตกแต่งผิวไม้ ควรหลีกเลี่ยงวัสดุตกแต่งผิวที่มีความทึบน้ำสูง เพื่อยอมให้ความชื้น ที่สะสมในเนื้อไม้สามารถระบายออกได้โดยสะดวก ทั้งนี้ วัสดุตกแต่งผิวที่มีความทึบน้ำสูงจะส่งผลต่อการผุชำรุดของไม้โดยตรง ดำเนินการสำรวจพร้อมจัดทำแบบสภาพปัจจุบันและความเสียหายที่เกิดขึ้นในองค์ประกอบแต่ละส่วนของเสาชิงช้าโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำมากำหนดวัสดุ เทคนิคและวิธีการซ่อมแซมให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงควรทำการวิเคราะห์วิธีการซ่อมแซมที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาเดิม พร้อมส่งให้กรมศิลปากรพิจารณาอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง