พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่แพร่ระบาด ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตระหนักว่าปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบรุนแรง เป็นภัยใกล้ตัว เป็นภัยที่เข้าถึงทุกหมู่บ้าน การแก้ปัญหายาเสพติดจึงถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลดำเนินการในทุกมิติ โดยเฉพาะการจัดการกับการลำเลียงยาเสพติดและการพักคอยยาเสพติดจากผู้ค้า เพื่อนำสู่เป้าหมายผู้ใช้ ผู้เสพ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการป้องกัน ปราบปราม การพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งให้ความสำคัญกับแหล่งผลิตในต่างประเทศ หรือกลุ่มผู้ค้ารายสำคัญที่มีการนำยาเสพติดมาพักคอยก่อนจำหน่ายไปยังผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพ โดยมาตรการที่นำมาดำเนินการคือมาตรการเกี่ยวกับทรัพย์สิน สิ่งที่ผู้ค้ายาเสพติดต้องการมากที่สุดคือต้องการเงินกับผลประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สิน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้เร่งจัดการกับการฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดและมีผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ยาเสพติดถือเป็นอีกหนึ่งภัยข้ามชาติซึ่งจะต้องยกระดับความเข้มข้นในการกวาดล้างมากขึ้นและยังได้รับความร่วมมือในการกวาดล้างยาเสพติดตามชนกลุ่มน้อยต่างๆ อีกด้วย
พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า การปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่แพร่ระบาด ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ได้ปิดล้อม จับกุมโดยเฉพาะพื้นที่พักคอยตอนในที่จะกระจายยาเสพติดไปสู่พื้นที่ภาคใต้หรือประเทศที่ 3 ซึ่งเราเน้นการปราบปรามสกัดกั้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมายและการขยายผลติดตามผู้ที่มีส่วนร่วมกระทำผิดรู้เห็น นำไปสู่การยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง หลังจากที่มีการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา ได้ขยายผลสู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เฉพาะวันที่ 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อม 277 เป้าหมาย ผู้ต้องหา 386 คน จำนวน 383 คดี ยึดทรัพย์กว่า 25 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายผลจับกุมที่ผ่านมาและจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้การทำงานของคณะอนุกรรมการเป็นการทำงานกลางทางคือพื้นที่ตอนในและปริมณฑล โดยจะขยายไปยังพื้นที่พักคอยทั้งหมด กระบวนการลักลอบค้ายาเสพติดเป็นที่ชัดเจนว่าผลิตในต่างประเทศ นำเข้าตามแนวชายแดนโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำเลียงมายังพื้นที่พักคอยตามแนวชายแดนและกระจายเข้ามาสู่พื้นที่ตอนใน และนำไปสู่พื้นที่ภาคใต้และประเทศที่ 3 กระบวนการพักคอยในพื้นที่ตอนในและลำเลียงไปสู่ภาคใต้และประเทศที่ 3 นั้น เป็นขั้นตอนที่จะต้องปิดล้อมตรวจค้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
พล.ต.อ.ประจวบ ย้ำว่า การจับกุมผู้ค้ายาเสพติดไม่ว่าของกลางจะมีจำนวนมากหรือน้อยในเรื่องของกระบวนการยาเสพติดคือเรื่องของทรัพย์สิน เป้าหมายของเจ้าหน้าที่รัฐจึงเน้นที่เรื่องทรัพย์สินเช่นกัน จะติดตามยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอฝากเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออำนวยความสะดวก จะถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย
ทางด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 จับกุม ยาบ้า 405,600 เม็ด ไอซ์ 7 กิโลกรัม ศาลอนุมัติหมายจับ 60 หมาย ปัจจุบันอยู่ระหว่าง ขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อแจ้งข้อหา นอกจากนี้จากการขยายผลในพื้นที่นครบาล 201 ชุมชนยังมีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งจะคัดกรองเพื่อนำผู้เสพจาก 201 ชุมชนดังกล่าวเข้าสู่การบำบัดร่วมกับกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ค้าจะออกหมายจับคดีในคดีสมคบ
ตำรวจภูธรภาค 1 รายงานว่า การปฏิบัติการช่วงดังกล่าวดำเนินการทั้งหมด 76 เครือข่าย ยึดทรัพย์ประมาณกว่า 22 ล้านบาท จับกุมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ปิดล้อมกว่า 800 แห่ง ทุกจังหวัดจะมีการปิดล้อมทุกสัปดาห์
ตำรวจภูธรภาค 7 รายงานว่า มีการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและพื้นที่แพร่ระบาดของตำรวจภูธรภาค 7 ในพื้นที่ 8 จังหวัด ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 ทั้งสิ้น 176 เครือข่าย ปิดล้อม 356 แห่ง จับกุมผู้ต้องหา 1,647 คดี ยาบ้าของกลางกว่า 270,000 เม็ด ยึดทรัพย์กว่า 205 ล้านบาท และระหว่างวันที่ 10 – 12 มีนาคม 2568 ที่เป็นช่วงความเข้มข้นในการปฏิบัติงานมีการปิดล้อม 156 เครือข่าย นอกจากนี้ยังมีการปิดล้อมตรวจค้นสถานบริการต่างๆ เพื่อตรวจค้นยาเสพติดอย่างต่อเนื่องด้วย
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) รายงานว่า จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาได้ของกลางยาบ้า 3 ล้านเม็ด ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เบื้องต้นได้ออกหมายจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัดนครปฐมและขยายผล สู่ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่นครปฐม สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการปิดล้อมตรวจค้นมาตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม – 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อมไปแล้วรวม 13 จุด สามารถจับกุมพร้อมยาเสพติด 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 จุด และพื้นที่จังหวัดนครปฐม มีการตรวจยึดทรัพย์สินตึกแถว และรถยนต์ 5 คัน รวมยึดทรัพย์ได้กว่า 8.1 ล้านบาท ทั้งนี้ภาพรวมการปฏิบัติงานของ บช.ปส. ช่วงวันที่ 1กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2568 ปิดล้อมเครือข่ายทั้งสิ้น 55 เครือข่าย ศาลอนุมัติหมายจับ 37 ราย ยึดทรัพย์สินรวมกว่า 219 ล้านบาท