“จิราพร” ปราบบุหรี่ไฟฟ้า 2 สัปดาห์ มูลค่าของกลางกว่า 118 ล้านบาท

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการ หาข้อแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาด ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามาในลักษณะของใช้น่ารักทั่วๆ ไป รัฐบาลมีความห่วงใย ย้ำว่าเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าต้องมีการจัดการอย่างจริงจังและอาศัยความร่วมมือจากตำรวจด้วย โดยให้นางสาวจิราพร มารายงานข้อมูลรวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการดำเนินการ ภายในระยะเวลา 15 วัน

นายกรัฐมนตรี หารือการปราบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเยาวชน พื้นที่ใกล้โรงเรียน ร่วมกับพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนางสาวจิราพร สินธุไพร ซึ่งได้มอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้เป็นหลัก โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือถึงมาตรการคุมเข้มและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวด พื้นที่ใกล้โรงเรียน สถานศึกษา ต้องไม่มีการขายให้เยาวชน และย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายให้กับประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
โดยเริ่มต้นที่การจัดการกับผู้นำเข้าซีลทุกจุด และจับกุมผู้ขายอย่างจริงจัง ตั้งเป้าหมายภายใน 30 วัน ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกรมศุลกากรในการปราบปรามอย่างเด็ดขาด

นางสาวจิราพร พบหารือกับนาง Helena Lersch รองประธานนโยบายสาธารณะ (Vice President of Public Policy) บริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด (TikTok) พร้อมขอความร่วมมือจาก Tiktok       ในการตรวจสอบไม่ให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเด็ดขาด ซึ่งทาง TikTok พร้อมให้ความร่วมมือในการจัดการกับผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าในแพลตฟอร์มต่อไป

นอกจากนี้ นางสาวจิราพร ยังได้หารือร่วมกับผู้แทนจาก 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า และหาแนวทางในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยการหารือแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ระยะเร่งด่วนปูพรมกวาดล้างซีลการลักบลอบนำเข้าตามแนวชายแดน ห้ามระงับคดี ส่งตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดี และ สำนักป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ เส้นทางการเงินตรวจยึดทรัพย์สินอายัดทรัพย์ สแกนร้านค้าที่มีที่ตั้งและร้านค้าออนไลน์ เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 2 ประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ เน้นสถานศึกษาที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยเป็นพิเศษและส่วนที่ 3 ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องและวางมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว

นางสาวจิราพร ลงพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ร่วมกับนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พลตำรวจตรี อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ติดตามระบบการตรวจสอบสินค้านำเข้า ต้นทางของสินค้า สถานที่นำส่ง รวมถึงกระบวนการคัดแยกและการใช้เครื่อง X-Ray ในการสุ่มตรวจตู้สินค้าที่น่าสงสัยในการสำแดงข้อมูลการนำเข้า โดยในส่วนของสินค้าที่ตรวจยึดได้ มีนโยบายไม่ให้มีการระงับคดี แต่ให้ส่งดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และส่งต่อไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจเส้นทางการเงิน ดำเนินการยึดทรัพย์ และขยายผลจับกุมไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทำบัญชีแบล็กลิสต์บริษัทที่นำเข้า-ส่งออก เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายของบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นทาง

นางสาวจิราพร เรียกประชุมหารือแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับ 20 หน่วยงาน นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้กำหนดแผนปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการปราบปรามโดยการบังคับใช้กฎหมาย ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า และยุทธศาสตร์ที่ 3 การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมมีการเสนอตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีคณะอนุกรรมการ 3 คณะ ตามยุทธศาสตร์ของแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปราบปรามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ปิดกั้นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า กว่า 9,000 แพลตฟอร์ม พร้อมได้หารือกับผู้ประกอบการเพื่อขอความร่วมมือในการปิดกั้น Keyword การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าและขอให้ผู้ประกอบการเร่งทำบัญชีรายชื่อผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม หากพบมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ต้องปิดกั้นทันที สำหรับผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่ง ต้องติดป้ายประชาสัมพันธ์ ห้ามไม่ให้มีการจัดส่งบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้า กรณีมีเหตุอันควรสงสัย ให้ตรวจสอบโดยวิธีการผ่านเครื่องสแกน และต้องมีการจัดเก็บข้อมูลของผู้ส่งสินค้าไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน

นางสาวจิราพร ยังขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และ สคบ. สรุปผลการปราบปราม โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รวบรวมข้อมูลรายสัปดาห์และจัดแถลงผลให้ประชาชนรับทราบ

นางสาวจิราพร เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์มาหารือเพิ่มเติม ประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และ สคบ.

ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ปิดผู้ค้าออนไลน์ไปแล้วกว่า 9,000 เพจ เป็นการดำเนินการผ่าน 2 แนวทาง คือ 1) การรับแจ้งเบาะแส และ 2) การ monitor โดยเจ้าหน้าที่จะนำเทคโนโลยี AI   เข้ามาช่วยในการเฝ้าระวังเพิ่มเติม

นางสาวจิราพร กล่าวด้วยว่า หลังจาก สคบ. ได้เชิญผู้ประกอบการแพลตฟอร์ม และผู้ประกอบการขนส่งมาหารือ เพื่อขอความร่วมมือสะกัดกั้นการขายบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์ ตนเองต้องการเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ในเชิงลึก เพื่อนำไปประกอบการวางแผนและกำหนดมาตรการต่างๆ ในการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ นอกจากการสอบถามความคืบหน้าการทำงานของหน่วยงานแล้ว ยังได้รับทราบประเด็นปัญหาและอุปสรรค ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

นางสาวจิราพร เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ครั้งที่ 3 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 20 หน่วยงาน เข้าร่วม โดยที่ประชุมได้มีการรายงานผลการปฏิบัติการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลสถิติการจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2568 โดยได้รับแจ้ง 839 เรื่อง จับกุมและดำเนินคดีได้จำนวน 1,078 คดี จำนวนผู้ต้องหา 1,104 คน จำนวนของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง จำนวน 118,953,915 บาท

นางสาวจิราพร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับข้อสั่งการจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมือในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ซึ่งจากสถิติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงาน พบว่าสามารถจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและดำเนินคดีได้ในปริมาณมาก ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ยอดคดีที่จับกุมจำนวนตัวเลขเกือบเทียบเท่าการปราบปรามตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ในการปราบปราม โดยคณะทำงานจะเดินหน้าเร่งสร้างการรับรู้ และสร้างความตระหนักถึงภัยของบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชน ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของแผนปฏิบัติการในการป้องกันการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการบูรณาการแผนปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการปราบปรามโดยการบังคับใช้กฎหมาย ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า และยุทธศาสตร์ที่ 3 การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับ “บุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อให้ครอบคลุมทั้งระบบ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยเตรียมยกระดับการแจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้งานได้เร็วๆ นี้

ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ นำผลการดำเนินงานของทุกหน่วย ยุทธศาสตร์และมาตรการมาประชาสัมพันธ์ ให้เข้าถึงประชาชนผ่านสื่อกรมประชาสัมพันธ์ ทุกช่องทางและทุกเครือข่าย โดยมีการดำเนินงาน แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะเร่งด่วน เน้นสื่อสารข้อมูลข่าวสารเพื่อสนับสนุนภารกิจของหน่วยงานหลักในการปราบปรามและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า นำเสนอความรู้ด้านกฎหมายและบทลงโทษ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิด สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษา ได้รู้เท่าทันถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันผู้สูบรายใหม่ 2) ระยะสั้น สนับสนุนการประชาสัมพันธ์นโยบายสำคัญ รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานลงพื้นที่ตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และ 3) ระยะยาว สนับสนุนการประชาสัมพันธ์เน้นที่การป้องกัน การให้ความรู้และการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวจิราพร กล่าวด้วยว่า ทาง สคบ. ร่วมกับ DGA กำลังพัฒนาช่องทางการแจ้งเบาะแสการลักลอบนำเข้า ผลิต หรือจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้า โดยจะเปิดช่องทางออนไลน์ ให้ประชาชนสามารถแจ้งได้ทันที มั่นใจว่าการปราบปรามจะเห็นผลชัดเจน และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้มากขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบจำหน่ายให้กลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลปฏิบัติการจับกุม 3 คดีสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ คดีการบุกทลายแหล่งผลิตพอตเค (Pod K) ที่เป็นผลจากการดำเนินการสืบสวนจนพบกลุ่มไลน์โอเพ่นแชท “Party 777” ที่ส่งข้อความจำหน่ายพอตเค จึงขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นถนนรัชดา-รามอินทรา พบของกลางเป็นพอตเค บุหรี่ไฟฟ้า ที่ผลิตในประเทศไทยที่พบเป็นรายแรกและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า รวมกว่า 520 ชิ้น มูลค่ากว่า 1,130,000 บาท คดีการจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว 101 สามารถตรวจยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่น รวมกว่า 40,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 10,000,000 บาท และคดีจับกุมผู้จำหน่ายแก๊สหัวเราะ โดยตำรวจสอบสวนกลางได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. สืบสวนขยายผลจากการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ ในพื้นที่ถนนข้าวสาร เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2568 เพื่อติดตามหาแหล่งที่มา สถานที่นำเข้าสถานที่จัดเก็บ
ศูนย์กระจายสินค้า รวมไปถึงการลักลอบจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ นำมาสู่การตรวจค้นพื้นที่ 9 แห่ง ของกรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม 2568 จนสามารถตรวจยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ หรือแก๊สหัวเราะได้กว่า 40,000 หลอด พร้อมลูกโป่งกว่า 3,600 ลูก และกระบอกสำหรับใช้อัดแก๊สกว่า 1,500 กระบอก มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งแก๊สหัวเราะมักนำมาใช้ทดแทนยาเสพติด โดยจะทำให้ผู้สูดดมรู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้ม

ด้านเภสัชกรหญิงสุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร อย. กล่าวว่า หากสูดดมแก๊สไนตรัสออกไซด์ในปริมาณมากจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในปอดและระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมระบบหายใจหรือประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ ซึ่งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บและหมดสติ และหากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานานจะส่งผลให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย มีอาการเหน็บชาบริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า และรับความรู้สึกไม่ได้เนื่องจากภาวะขาดวิตามินบี 12 และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พร้อมกับเตือนผู้ที่นำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุขายให้กับประชาชนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันทีเนื่องจากมีความผิดกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง