นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดตัว “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทำการเกษตรคู่ขนาน ส่งเสริมการดึงคนกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร กรอบวงเงินสินเชื่อรวม 37,500 ล้านบาท โดยผู้กู้ต้องมีเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ เงินกู้รายละไม่เกิน 8,000,000 บาท
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน สามารถวางแผนการสร้างรายได้คู่ขนานจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรในวัยก่อนและหลังเกษียณ รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เพิ่มการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ลดปัญหาโลกร้อนและฝุ่น PM2.5
คุณสมบัติผู้กู้สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ได้แก่
1. เป็นบุคลากรภาครัฐหรือพนักงานองค์กรเอกชน ที่มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน และนำรายได้เข้าบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. เพื่อหักชำระหนี้เป็นรายเดือน ยกเว้น ข้าราชการทางการเมืองหรือบุคลากรภาครัฐที่มีสัญญาจ้างชั่วคราวตามกำหนดวาระหรือตามกำหนดสิ้นสุดโครงการ
2. มีแผนประกอบอาชีพเกษตรกรรมหรืออาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม ก่อนและหลังเกษียณอายุและเริ่มดำเนินโครงการตามแผนภายใน 3 เดือนนับถัดจากวันรับเงินกู้
3. มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 59 ปี
4. เป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรงและมีศักยภาพในการประกอบอาชีพ
5. มีแผนชำระหนี้เงินกู้ก่อนเกษียณอายุจากเงินเดือนหรือรายได้ประจำเป็นรายเดือนและแผนชำระหนี้เงินกู้หลังจากเกษียณอายุจากรายได้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมหรืออาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม
อัตราดอกเบี้ย
- ปีที่ 1 – 5 คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR – 2 ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR เท่ากับร้อยละ 6.725 ต่อปี) หรือเท่ากับร้อยละ 4.725 ต่อปี ตามประกาศธนาคารฯ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 อัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศธนาคารฯ
- ปีที่ 6 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ย MRR ต่อปี
- กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 20 ปี นับแต่วันกู้ (อนุมัติเงินกู้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2572)
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า โครงการสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ นอกจากจะส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำที่เตรียมแผนเกษียณอายุมีรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตหลังเกษียณแล้ว ยังช่วยให้ผู้ที่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ ใกล้เคียงมีรายได้เสริมจากการจ้างงานในการทำการเกษตรและดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้กับผู้กู้ที่เข้าร่วมโครงการซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจระดับชุมชนต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และอนุมัติเงินกู้ภายใน 31 มีนาคม 2572 (เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อและตราสัญลักษณ์ธนาคาร ธ.ก.ส. รวมถึงการใช้ภาพผู้บริหาร ธ.ก.ส. ในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อ อาทิ ธ.ก.ส. พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ โดยไม่ต้องใช้คนค้ำหรือหลักประกันไม่เช็คเครดิตบูโร ดอกเบี้ยต่ำและให้ผู้สนใจติดต่อขอรายละเอียด หรือส่งเอกสารส่วนตัวเพื่อยื่นคำขอกู้ผ่านทางแอปพลิเคชัน TikTok หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ นั้น ธ.ก.ส. ขอเรียนว่าบัญชีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและการกระทำในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่บัญชีของ ธ.ก.ส. โดยธนาคารใช้บัญชี TikTok อย่างเป็นทางการใน ชื่อ baacthailand เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า
ธ.ก.ส. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว และไม่มีนโยบายในการให้บริการสินเชื่อ หรือมีการอนุมัติสินเชื่อผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จึงขอให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไปอย่าหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด เพราะอาจถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินหรือขอข้อมูลส่วนตัวจนทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งธนาคารจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลและดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างในลักษณะดังกล่าวต่อไป
ธ.ก.ส. ขอย้ำเตือนให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังในการติดต่อหรือทำธุรกรรมออนไลน์ เนื่องด้วยปัจจุบันมิจฉาชีพมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย หากไม่แน่ใจในข้อมูลที่ได้รับมา โปรดติดต่อธนาคารโดยตรง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BAAC ศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ Call Center : 02 555 0555 กด 111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง