นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยสุขภาพประชาชน เตือนประชาชนเรื่องการใช้ยาที่ไม่ระวัง เสี่ยงไตวาย เพราะโรคไตเป็นอีกหนึ่งโรคที่น่ากังวล เนื่องจากเป็นโรคที่ป่วยแล้วส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันผู้ป่วยเป็นโรคไตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีและหนึ่งในสาเหตุการเกิดโรคคือ ปัญหาการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล โดยข้อมูลจากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นทุกปีมากถึง 1.12 ล้านคน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจกว่า 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี
นายคารมแนะวิธีเลี่ยงไตวายด้วยการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ป้องกันการเกิดโรคไตจากการใช้ยา โดยยาที่มักก่อให้เกิดอันตรายต่อไต มีกลุ่มยาแก้ปวดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นต้น กลุ่มที่ก่อให้เกิดปัญหามากที่สุด ยาต้านจุลชีพบางชนิด เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) สเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin)
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาได้อีก โดยเฉพาะยาชุดที่ผิดกฎหมายมักมียาที่เป็นพิษต่อไตอย่างสเตียรอยด์ หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์รวมอยู่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งมักลักลอบใส่สารที่อันตรายยาไม่เหมาะสม สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายต่อไต
นายคารม กล่าวต่อว่า นอกจากยาดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่แอบอ้างสรรพคุณว่าบำรุงไต หรือล้างไต ซึ่งไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณนี้ได้ถือว่าผิดกฎหมาย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แม้จะไม่ได้เป็นพิษต่อไตโดยตรง แต่อาจสร้างปัญหาได้ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยละเลยการดูแลไต จนโรคลุกลามได้ ส่วนการสังเกตอาการโรคไตนั้น วิธีที่ได้ผลชัดเจนที่สุดคือ การเจาะเลือดตรวจ แต่เราสามารถสังเกตอาการสัญญาณเตือนโรคไตได้ ดังนี้ เหนื่อยง่าย บวม ปวดสีข้างด้านหลัง ปัสสาวะน้อยมาก หรือปัสสาวะมีฟอง แต่เพื่อให้มั่นใจควรทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจการทำงานของไต
ข้อแนะการป้องกันการเกิดโรคไตจากการใช้ยา หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะยาแก้ปวดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หลีกเลี่ยงการใช้ยาเอง แนะนำปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา และไม่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริมหรือยาจากสมุนไพรที่ผิดกฎหมายไม่ได้ขึ้นทะเบียน โอ้อวดสรรพคุณ รวมถึงยาชุด
รัฐบาลเน้นย้ำให้ประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไตตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้สูงอายุ โรคไตเรื้อรังคือ สภาวะที่ไตถูกทำลายนานติดต่อกันเกิน 3 เดือน มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรกทำให้หลายคนไม่รู้ตัวจนกระทั่งเข้าสู่ภาวะไตวาย การตรวจคัดกรองโรคไตตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการชะลอความเสื่อมของไตและลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน