ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุมนางสาวเยาวลักษณ์ฯ บริเวณหน้าห้องพัก ถ.ลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร”
สืบเนื่องจาก กรมสรรพากรได้มาร้องทุกข์ที่ กก.2 บก.ปอศ.ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญาความผิดกับบริษัทแห่งหนึ่ง และนางสาวเยาวลักษณ์ฯ กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทฯ ในข้อหา “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกฯ” กล่าวคือ ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 บริษัทดังกล่าวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง แต่เจ้าพนักงานกรมสรรพากรตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ไม่มีการประกอบกิจการ ณ สถานประกอบการดังกล่าวจริง โดยสถานที่ตั้งบริษัทฯ มีลักษณะเป็นเพียงบ้านเช่า ไม่พบการประกอบกิจการของบริษัทฯ
สอบถามผู้อาศัยข้างเคียง ให้การว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการประกอบกิจการแต่อย่างใด อีกทั้งไม่สามารถติดต่อได้ กรมสรรพากรจึงเชื่อได้ว่าบริษัทดังกล่าวมีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่จัดตั้งขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาที่จะประกอบกิจการจริงและไม่มีการส่งมอบเอกสารให้เจ้าพนักงานกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบแต่ได้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ประกอบกับกรมสรรพากรได้รับแจ้งจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ต่างๆ พบว่ามีใบกำกับภาษีขายที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ออกโดยบริษัทนี้ไปยังผู้ประกอบเพื่อใช้ยื่นขอเครดิตภาษี (ขอคืน) ต่อกรมสรรพากรรวมใบกำกับภาษีจำนวน 188 ฉบับ ซึ่งใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้นและไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริงแต่อย่างใด ซึ่งได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 131 ล้านบาท ข้อมูลดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าการออกใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้ออกหมายเรียกเพื่อติดต่อตัวกรรมการมาทราบข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบพนักงานสอบสวนตามที่ออกหมายเรียกไป จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลเพื่อออกหมายจับ นำตัวกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนมาโดยตลอด ประกอบกับหมายจับใกล้จะหมดอายุความในอีก 2 เดือนเศษ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นางสาวเยาวลักษณ์ฯ ผู้ต้องหา อยู่ในพื้นที่ ถ.ลาดพร้าว กรุงเทพฯ จึงติดตามกระทั่งพบตัวผู้ต้องหา ทำการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป