นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงฤดูร้อน ขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากโรคที่มักจะเกิดขึ้น และขอให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะความสะอาดของอาหาร ซึ่งอากาศร้อนทำให้อาหารเสียได้ง่าย ขอให้บริโภคอาหารที่สุก สะอาด ถูกหลักอนามัย ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคพบว่า โรคที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงอากาศร้อน ประกอบด้วย
1. โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 211,194 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย มีอายุระหว่าง 11 – 88 ปี เป็นเพศชาย 11 ราย เพศหญิง 12 ราย แนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 5 – 9 ปี สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด เป็น A/H1N1 ส่วนใหญ่พบการระบาดในโรงเรียน
2. โรคปอดอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 111,552 ราย ผู้เสียชีวิต 149 ราย แนวโน้มผู้ป่วยลดลงแต่ยังสูงขึ้นกว่าปี 2567 กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 0 – 4 ปี ผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป
3. โรคอาหารเป็นพิษ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 14 มีนาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 37,831 ราย อัตราป่วย 58.28 ต่อประชากรแสนคน ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ อายุ 5 – 9 ปี โดยในปี 2568 พบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567
4. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 13 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 129,638 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ อายุ 0 – 4 ปี ซึ่งปี 2568 พบผู้ป่วยใกล้เคียงกับปี 2567
สำหรับสถานการณ์โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษในประเทศไทย ในปี 2566 ผู้ป่วย 689,954 ราย เสียชีวิต 2 ราย ส่วนปี 2567 จำนวนผู้ป่วย 742,697 ราย เสียชีวิต 2 ราย
รายงานผลการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลับ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558 – 2567) ข้อมูลการเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา พบว่าอัตราป่วยมีแนวโน้มลดลง โดยพบอัตราป่วยสูงสุดในปี พ.ศ. 2559 และต่ำสุดในปี 2564 ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีหลังมีแนวโน้มคงที่ ในส่วนของอัตราตายมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 – 4 รายต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี จะมีการรายงานสูงขึ้นในช่วงต้นปีและลดลงในช่วงกลางปีและปลายปี ตามลำดับ โดยจะพบการรายงานสูงในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
ในปี พ.ศ. 2568 (1 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568) ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (DDS) กองระบาดวิทยา มีรายงาน ผู้ป่วยสะสม 108,343 ราย อัตราป่วย 166.91 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 1 ราย พบรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ กลุ่มอายุที่มีอัตราการป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุต่ำกว่า 5 ปี 575.37 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือกลุ่มอายุ 5 – 9 ปี (342.88) และกลุ่มอายุ 20 – 29 ปี (213.87) ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคกลาง 232.88 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือ ภาคเหนือ (157.56) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (135.28) และภาคใต้ (96.56) จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร (462.16) อุบลราชธานี (394.68) ชลบุรี (357.05) ภูเก็ต (309.92) และสุรินทร์ (294.90)
ข้อมูลจากการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โดยกองระบาดวิทยา ดำเนินการเฝ้าระวังร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่ายและศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีตัวอย่างส่งตรวจสะสม 3,877 ราย ตรวจพบสายพันธุกรรมเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จำนวน 1,745 ราย (ร้อยละ 45.01) เชื้อที่พบมากที่สุด Rotavirus ร้อยละ 39.14 (683 ราย) Norovirus GII ร้อยละ 30.26 (528 ราย) Sapovirus ร้อยละ 6.02 (105 ราย) Adenovirus ร้อยละ 4.58 (80 ราย) Astrovirus ร้อยละ 3.72 (65 ราย) และ Norovirus GI ร้อยละ 2.41 (42 ราย) นอกจากนี้พบผู้ที่ตรวจเจอเชื้อไวรัสก่อโรคมากกว่า 1 ชนิด ร้อยละ 13.87 (242 ราย)
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด เลือกดื่มน้ำต้มสุก หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่มีเครื่องหมาย อย. ฝาปิดสนิท บรรจุภัณฑ์ไม่มีรอยรั่ว เลือกบริโภคน้ำแข็งที่สะอาด บรรจุถุงต้องไม่มีรอยรั่วฉีกขาด มีเครื่องหมาย อย. และมีข้อความ “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ขอให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่ที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก หากพบว่าป่วยเป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ควรหยุดพักรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422