ทุกกระทรวงฯ เร่งบูรณาการช่วยเหลือและเยียวยา จากเหตุแผ่นดินไหว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย พร้อมด้วยนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหว

โดยจุดแรก คณะได้เดินทางไปยังบริเวณทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ด่านดินแดง) ตรวจสอบความคืบหน้าภายหลังได้รับการรายงานว่ามีการรื้อเครนที่ถล่มในช่วงเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งได้มีการตั้งทีมทำงานจาก 4 หน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมกับเจ้าของโครงการก่อสร้าง โดยส่งผู้เชี่ยวชาญขึ้นสำรวจอาคารและจุดที่เครนติดค้าง เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรื้อถอน เพื่อเปิดเส้นทางจราจรโดยเร็วที่สุด

จากนั้น คณะได้เดินทางไปยังพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ เขตพื้นที่จตุจักร ที่เกิดเหตุอาคารถล่มจนได้รับความเสียหายมีทั้งผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก เพื่อประเมินสถานการณ์ พบว่าการรื้อซากอาคารต้องใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แจ้งว่าทางการอิสราเอลได้สนับสนุนเครื่อง X-ray ชั้นปูนพร้อมผู้เชี่ยวชาญ มาช่วยติดตามค้นหาผู้สูญหาย

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรุงเทพมหานคร จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้ากรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในการกำกับดูแลของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ หรือ บกปภ.ช. โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการฯ บูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อติดตามเหตุการณ์ทั้งการรายงานแผ่นดินไหว การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มาตรการเยียวยา และการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ

การติดตามข้อมูลข่าวสาร: ประชาชนสามารถรับชมผ่านช่อง NBT ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงติดตามรับฟังทางสถานีวิทยุกระจายเสียง FM 92.50 MHz และช่องทางออนไลน์ทาง Facebook และ X : กรมประชาสัมพันธ์ NBT-เอ็นบีที NBT Connext เว็บไซต์ prdee.prd.go.th และภาคภาษาอังกฤษติดตามทางสื่อออนไลน์ NBT World

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นที่ดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. ศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร มีสาเหตุจากการเลื่อนตัวกลุ่มรอยเลื่อนสะกาย สาธารณัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สถานการณ์มีความรุนแรงและส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก 

กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) จึงได้ประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัยกรณีแผ่นดินไหวเป็นสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

จากข้อมูลของ บกปภ.ช. พบว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว (28 มี.ค. 68) มีพื้นที่รับรู้แรงสั่นไหว รวม 57 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยมี Aftershock ขนาด 2.8 – 7.1 รวม 138 ครั้ง และได้รับรายงานความเสียหายรวม 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และชัยนาท รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 80 ราย 

 ในส่วนของความเสียหายด้านที่อยู่อาศัย พบว่า มีบ้านเรือนเสียหาย รวม89หลัง อาคาร 36 แห่ง และโครงการก่อสร้าง 14 แห่ง โดยอาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายบางส่วน เกิดรอยร้าว และมีเศษซากวัสดุหลุดออกจากผนังอาคาร ปัจจุบันมีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดแพร่ รวมทั้งกรุงเทพมหานครที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติเต็มพื้นที่ โดยขณะนี้กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีแผ่นดินไหว) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด เป็นวงเงินในอำนาจอธิบดี จำนวน 200 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายด้านการดำรงชีพและด้านการปฏิบัติงานฯ

 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวและการให้ความช่วยเหลือประชาชน และมีข้อสั่งการไปยังหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในหลายส่วนงาน โดยผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดทราบและถือปฏิบัติและจะมีการติดตามความคืบหน้าในอีก 1 สัปดาห์ ในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 

การบริหารสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 (1) ให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ ประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงาน ระดมสรรพกำลังและทรัพยากร ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาพรวม 

(2) ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้ากรุงเทพมหานคร ดำเนินการให้ความช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในอาคารที่ถล่ม โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ณ จุดเกิดเหตุ

การแจ้งเตือนประชาชน

ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งพัฒนาระบบ cell broadcast ที่จะสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนโดยตรง เพื่อให้ประชาชนได้รับการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์

การคมนาคมและการจราจร

(1) ให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรองรับ หากเกิดกรณีจำเป็นต้องทำการปิดเส้นทางคมนาคมและการจราจร โดยมีระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบสถานการณ์ว่ามีการปิดเส้นทางคมนาคมเส้นทางใดบ้าง มีทางเลี่ยง หรือทางเลือกที่สามารถเดินทางได้ในเส้นทางใด

(2) ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการแก้ไขปัญหากรณีมีเศษวัสดุจากอาคารสูงด้านข้างจะร่วงหล่นมาในบริเวณด่านดินแดง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร

การตรวจสอบอาคาร

ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน เพื่อทำการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ และยืนยันความปลอดภัยของอาคาร เพื่อให้ผู้ใช้อาคารมีความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร

การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร

(1) ให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำการสื่อสารภาคภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่ยังคงให้ความสนใจและได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

(2) มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประสานรวบรวมข้อมูลเบอร์โทรศัพท์สายด่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์และการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย รวมถึงแจ้งช่องทางในการติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐ รวมถึงช่องทางแจ้งเหตุหรือขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การเยียวยาผู้ประสบภัย

ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรุงเทพมหานคร เร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว นายภาสกร ระบุด้วยว่า “ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมและเป็นขั้นตอนของการจัดการพื้นที่ และแนวโน้มของการเกิด After Shock ลดระดับลง คาดว่าภายใน 1 – 2 วัน กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จะพิจารณาลดระดับการจัดการสาธารณภัยลงเป็นระดับ 2 (สาธารณภัยขนาดกลาง) โดยจะโอนอำนาจการสั่งการให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้โดยเร็ว และทุกภาคส่วนจะเร่งเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว”

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวและการค้นหาผู้ประสบภัยในอาคารถล่ม ณ วันที่ 29 มีนาคม 2568 ศูนย์บัญชาการสถานการณ์แผ่นดินไหว กรุงเทพมหานคร รายงานตัวเลข (29 มี.ค. 68 เวลา 19.00 น.) พบว่ามีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 42 คน สูญหาย 53 คน และยังไม่ยืนยัน 30 คน

การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระเบียบ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะนี้อยู่ในกระบวนการนำเครื่องมือหนักเข้าไปเจาะสำรวจเพื่อตรวจสอบผู้รอดชีวิต และจะนำสุนัขค้นหาเข้าไปยืนยันอีกครั้งก่อนที่จะดำเนินการขุดเจาะ โดยยังคงดำเนินการค้นหาเพื่อช่วยชีวิตอย่างต่อเนื่อง และยังไม่หมดความหวัง โดยเฉพาะในชั้นล่างและบริเวณใต้ดินที่น่าจะยังมีโพรงที่มีผู้ประสบภัยติดอยู่ มีอุปกรณ์และเครื่องมือพร้อม ทั้งรถเครนขนาด 200 ตัน 500 ตัน และ 600 ตัน รถขุดแบคโฮทหาร และการรถไฟได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถมเศษปูนขนาดใหญ่ กระบวนการดำเนินการเป็นไปตามแผนและมาตรฐานสากล แต่ต้องใช้เวลาเนื่องจากความไม่เสถียรของโครงสร้างอาคาร

นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้มีข้อสั่งการให้กรุงเทพมหานครดำเนินการ 6 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. ประเด็นแรก ให้บริหารจัดการบริเวณจุดเกิดเหตุที่บริเวณจตุจักร และให้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

2. ประเด็นที่สอง ให้เน้นการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะข้อมูลสำหรับชาวต่างประเทศ ท่านนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกรมประชาสัมพันธ์ประจำการที่ศูนย์ฯ และได้จัดให้มีการให้ข้อมูลในภาษาต่างๆ รวมถึงภาษาเมียนมาร์และภาษาของผู้ที่สูญหาย

3. ประเด็นที่สาม เกี่ยวกับการตรวจสอบอาคารขนาดใหญ่ กรุงเทพมหานครจะออกคำสั่งให้อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ทำการตรวจสอบโครงสร้างเพิ่มเติมเป็นกรณีเร่งด่วน นอกเหนือจากการตรวจสอบประจำปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

4. ประเด็นที่สี่ เรื่องการเปิดการจราจรบริเวณทางด่วนดินแดง ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยมีผู้รับเหมาที่ก่อสร้างอาคารที่เกิดเหตุเครนหล่นเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการ คณะกรรมการได้เริ่มงานแล้วและมีเป้าหมายที่จะเปิดการจราจรให้ได้ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ แต่ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง

5. ประเด็นที่ห้า เรื่องความช่วยเหลือจากต่างประเทศ จะมีเครื่องเอกซเรย์จากอิสราเอลมาถึงเวลาเที่ยงคืน (29 มี.ค. 68) และมีหน่วยงานจากประเทศต่างๆ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงาน

6. ประเด็นที่หก เรื่องการสอบสวนสาเหตุอาคารถล่ม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหัวหน้าในการสืบสวนโดยมีกรุงเทพมหานครร่วมดำเนินการ ซึ่งทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เก็บข้อมูลทั้งหมดของอาคารเรียบร้อยแล้ว

สำหรับสถานการณ์ทั่วไป: เริ่มมีความคลี่คลายมากขึ้น ได้ส่งวิศวกรอาสาลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารต่างๆ ที่มีรายงานรอยแตกร้าวผ่านระบบ Traffy Fondue ขณะนี้มีกว่า 6,000 กรณี ทีมงานกำลังทยอยตรวจสอบและคัดแยกตามความรุนแรง กรมโยธาธิการและผังเมืองจะช่วยดูแลอาคารของหน่วยงานราชการ ส่วนอาคารเอกชน กรุงเทพมหานครและวิศวกรอาสาจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุด้วยว่า ขอยืนยัน จะเดินหน้าค้นหาผู้รอดชีวิตอย่างเต็มกำลัง โดยไม่ยอมคิดอย่างอื่นนอกจากการหาผู้รอดชีวิตให้ได้ทุกคน เพราะครอบครัวของพวกเขายังรอคอยอยู่ และจะทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ไม่หยุดยั้งจนกว่าจะสิ้นสุดภารกิจ

จัดตั้งวอร์รูมแรงงาน ดูแลแรงงาน-นายจ้าง

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องแรงงานและสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายพื้นที่ โดยได้ตั้ง “วอร์รูมแรงงาน” ที่กระทรวงแรงงาน เพื่อรับเรื่องประสานความช่วยเหลือ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ ในมิติด้านแรงงาน พร้อมลงพื้นที่เร่งสำรวจผลกระทบต่อแรงงาน สถานประกอบการและครอบครัวแรงงาน เพื่อประเมินสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือในทุกมิติแล้ว

ทั้งนี้ กลุ่มที่สามารถขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงแรงงาน ในเบื้องต้น เช่น

    • ลูกจ้างที่ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราวจากเหตุภัยพิบัติ

    • นายจ้างที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ

    • ผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่สามารถใช้สิทธิได้

    • ครอบครัวแรงงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ประสบภัย

รูปแบบความช่วยเหลือที่กระทรวงแรงงานให้การดูแล เช่น :

    • แนะนำการใช้สิทธิประกันสังคมในกรณีเจ็บป่วยจากภัยพิบัติ

    • ให้คำปรึกษาด้านสิทธิแรงงานในช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้

    • สำรวจความเสียหายจากสถานประกอบการ เพื่อวางแผนเยียวยาและฟื้นฟู

    • ประสานกับนายจ้างในพื้นที่ เพื่อดูแลแรงงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

หากต้องการความช่วยเหลือหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ ดังนี้

1. LINE Openchat

2. เบอร์โทร 02 2321462-3 และ 02 6602000

3. สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

กษ. ตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์ ช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหว สร้างผลกระทบต่อประชาชน ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) พร้อมด้วยมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าเพื่อการกุศล ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์เพื่อมอบอาหาร และน้ำดื่มให้ประชาชนผู้ประภัยและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว ตั้งแต่คืนวันที่ 28 มีนาคม เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง

นอกจากนี้ ศ.ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรเกษตรฯ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสั่งการให้กรมชลประทานตรวจสอบความพร้อมของเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัย โดยมีเครื่องมือในการตรวจสอบและเตือนภัย ที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทุกเขื่อนมีความแข็งแรงและปลอดภัยดี ขอให้ประชาชนอย่าได้กังวล

ระวังมิจฉาชีพ แปะลิงก์ดาวน์โหลดแผ่นดินไหว

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงที่ประชาชนกำลังประสบภัย มิจฉาชีพฉวยโอกาสมาในรูปแบบ ส่ง SMS แจ้งเตือนแผ่นดินไหว อ้างว่าให้ข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ หากผู้ใช้หลงเชื่อและดาวน์โหลดแอปดังกล่าว อาจเผลออนุญาตให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว รวมถึงควบคุมโทรศัพท์มือถือ ของตนเองได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลสำคัญ หรือแม้กระทั่งการเข้าถึงบัญชีธนาคารและทำธุรกรรมโดยมิชอบ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของกลโกง ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ ติดตามตรวจสอบและเร่งจับกุมในขณะนี้

ประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังและปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้

  • อย่ากดลิงก์แปลกปลอม ที่ส่งมาทาง SMS หรือแชร์ในสื่อโซเชียล โดยเฉพาะจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น สื่อหลัก หน่วยงานราชการ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
  • อย่าติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ หากต้องการติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหว ควรใช้แอปพลิเคชันจาก App Store หรือ Play Store เท่านั้น แจ้งเตือนบุคคลใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
  • หากพบพฤติกรรมต้องสงสัย ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อดำเนินการตรวจสอบและป้องกันไม่ให้มีผู้เสียหายเพิ่มเติม

รัฐบาล โดยกรมการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ส่งข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยจะส่งในชื่อ “DDPM” เท่านั้น ส่วนข้อความเตือนภัยที่แนบลิงก์ เป็นของมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนมีสติและใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารจากช่องทางออนไลน์ หากพบว่ามีการส่งลิงก์ต้องสงสัยหรือได้รับข้อความที่อ้างถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมแนบลิงก์
ที่ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ดังกล่าว และสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนตำรวจไซเบอร์ โทร. 1441

ข่าวที่เกี่ยวข้อง