นายกฯ วางระบบเตือนภัยส่ง SMS ตรงจากกรมอุตุฯ ระหว่างรอ Cell Broadcast

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์หลายตึก ในกรุงเทพมหานครได้อพยพคนออกจากตึก ว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยาแล้วว่าสถานการณ์อาฟเตอร์ช็อคจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย ดังนั้น ย้ำว่าผู้ที่รับผิดชอบตึกทุกตึกต้องเป็นผู้ตรวจสอบว่าแต่ละตึกได้รับผลกระทบอย่างไร หากตรวจสอบแล้วมีข้อสงสัยใดๆ ให้ติดต่อไปยังกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) และหากตรวจสอบแล้วว่าตึกมีความปลอดภัยขอให้ผู้ดูแลตึกแจ้งผู้อยู่อาศัย ส่วนการตรวจสอบตึกที่ถล่ม ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนก็พร้อมตรวจสอบทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มโครงการก่อสร้าง ออกแบบ และการตรวจสอบวัสดุการก่อสร้าง โรงงาน ซึ่งจะมีการตรวจสอบทั้งหมด เชื่อว่าจะได้คำตอบบ้างใน 2-3 วันนี้ ส่วนปัญหาเรื่องมาตรฐานของเหล็กที่นำมาใช้ในการก่อสร้างนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบทำผิดจะดำเนินการอย่างเต็มที่ตามกฎหมาย ไม่มีการละเว้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการชี้แจงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยว่า ได้แจ้งทุกช่องทาง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงแล้ว ซึ่งเมื่อตนเองได้ร่วมพิธีเปิดงาน Thailand Investment and Expat Services Center ได้ชี้แจงว่า เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเพียงตึกเดียว แต่มาตรฐาน ตึกในกรุงเทพมหานครทั้งหมด สร้างไว้ตามมาตรฐานที่รองรับเรื่องแผ่นดินไหว ตึกอื่นๆ จึงไม่ได้เกิดปัญหา ดังนั้นจะต้องสร้างความมั่นใจ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่เขตจตุจักร เพื่อติดตามความคืบหน้า อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ถล่ม เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังรายงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้พบกับอาสาสมัครจากหลายๆ ประเทศ รวมทั้งผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้แทนของกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมรับฟังรายงานซึ่งมีข่าวดีว่าเจ้าหน้าที่ตรวจพบสัญญาณชีพเพิ่มเติม จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินไปที่จุดของหน่วยกู้ชีพซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว

โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับทีมอาสาชาวต่างชาติ ว่า หากต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่มเติม ขอให้ติดต่อมาได้ทันที รวมทั้ง ได้สอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ซึ่งพบว่า เส้นทางนำส่งผู้ประสบภัยไม่มีความซ้ำซ้อนกับเส้นทางหลัก โอกาสนี้ ได้พบปะหารือกับนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูต อิสราเอลประจำประเทศไทย ที่เดินทางมาร่วมให้กำลังและคอยสังเกตการณ์ในพื้นที่ เนื่องจากทางการอิสราเอล ได้นำเครื่องมือพิเศษสแกนหาสัญญาณชีพมาร่วมในปฏิบัติการค้นหาผู้ติดค้างในตึกที่ถล่มในครั้งนี้ด้วย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการเตือนภัย SMS ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตัวแทนจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามในที่ประชุมถึงการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว (28 มีนาคม 2568)  ซึ่งพบข้อจำกัดใน 2 ประเด็น คือ 1. มีการดำเนินการช้าในช่วงสรุปข้อความ และ 2. มีความล่าช้า ในขั้นตอนการส่งข้อความ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สรุปผลการหารือที่ประชุม 3 ฝ่าย ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ว่า ปภ. จะทำระบบปฏิบัติการใหม่ในเรื่องการเตือนภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และให้กำหนดไทม์ไลน์ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แล้วจะใช้เวลาอย่างไร กี่นาที เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม NT TRUE AIS ให้ความมั่นใจในการหาแนวทางสื่อสารใช้เป็นระบบสำรอง ก่อนที่จะมีการใช้ระบบ Cell Broadcast

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เมื่อเกิดเหตุ ควรจะแจ้งเตือนภายในเวลา 5 นาที ซึ่งตนเองเห็นใจและเข้าใจว่าข้อมูลต้องชัดเจน แต่ เหตุแผ่นดินไหวเกิดแล้ว ข้อความส่งได้เลย ซึ่งการส่ง SMS เป็นหนึ่งในเครื่องมือเชิงรุก เพื่อการแจ้งเตือนว่ามีแผ่นดินไหว  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์และโพสต์ในโซเชียลมีเดีย สื่อสารว่า เมื่อเช้า (31 มีนาคม 2568) ไม่ใช่แผ่นดินไหว ต้องช่วยสื่อสารทุกรูปแบบ เพื่อแจ้งยืนยันถึงสถานการณ์ ไม่ให้ประชาชนสับสนเกิดความตื่นตระหนก

นายกรัฐมนตรี กำชับถึงความชัดเจนของหน่วยงานหลัก หรือเจ้าภาพงาน จะกำหนดขั้นตอน (flow) ในการแจ้งเตือนประชาชนในอนาคตให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐาน ซึ่งระบบเตือนภัยต้องครอบคลุมและสามารถจำแนกประเภทของภัยได้อย่างชัดเจน ตามข้อแนะนำของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่แบ่งภัยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) ภัยธรรมชาติ มีหลายระดับของการเตือนภัย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์ 2) ภัยไซเบอร์ การโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อระบบสำคัญ เช่น โรงพยาบาล สายการบิน และระบบสื่อสาร จำเป็นต้องมีการเตรียมการรับมือที่มีประสิทธิภาพ และ 3) ภัยที่เกิดจากมนุษย์ เช่น ไฟไหม้ หรือเหตุการณ์ก่อการร้าย เป็นต้น 

ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งหน้าที่ และขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

1. ให้กระทรวงมหาดไทย จัดทำแผนและมาตรการป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นระบบ work flow ให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้าใจตรงกัน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ก่อน และหลังระบบ Cell Broadcast 

2. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการในการประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา กสทช. เรื่องการส่งข้อความเตือนภัยให้ชัดเจน

3. ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งออกมาตรการข้อกำหนดต่าง ๆ ในการตรวจสอบอาคารสูง เพื่อให้ได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการระบบ Cell Broadcast ให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดรับข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนเกี่ยวกับการพัฒนาระบบส่งข้อความหรือแนวทางอื่นๆ
เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ AIS TRUE และ NT เพื่อร่วมถอดบทเรียนและวางแนวทางปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจาก Cell Broadcast จะสามารถใช้ได้ช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 เพราะฉะนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไร โดยที่ประชุมได้มีข้อสรุปที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงระบบ SOP ส่งข้อความได้ทันทีจากที่รับข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไม่ต้องวิเคราะห์ข้อความ ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 1 ชั่วโมง และเนื้อหาต้องเป็นข้อความที่กระชับ ถูกต้อง เข้าใจง่าย นอกจากนั้น ระหว่างรอ Cell Broadcast ระบบเต็มมานั้นให้ใช้เป็นระบบ Virtual Cell Broadcast ก่อนที่จะถึงเดือนกรกฎาคม 2568 สำหรับระบบ Android จำนวน 70,000,000 เลขหมาย ปภ. จะส่งข้อความตรงไปที่ Operator ได้เลย ส่วนในระบบ iOS จำนวน 50,000,000 เลขหมาย ให้ใช้การส่ง SMS ไปก่อน โดยให้ทาง ปภ. ส่งข้อความตรงไปที่ Operator เช่นกัน เพื่อกระจายข้อความสู่ประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กสทช. จะเร่งเจรจากับทางบริษัทแอปเปิล เพื่อเร่งให้สามารถใช้ระบบ Virtual Cell Broadcast ชั่วคราว โดยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะสามารถใช้ได้ทันทีก่อนที่ระบบ Cell Broadcast เต็มรูปแบบจะมาช่วงเดือนกรกฎาคม 2568  

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ระบบเตือนภัย SMS หรือ Cell Broadcast เป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการแจ้งเตือนภัย แต่รัฐบาลจะมีช่องทางการสื่อสารกับประชาชนผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE Facebook รวมถึงโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยอย่างที่เคยได้สื่อสารในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ด้วย ซึ่ง ปภ. จะส่งให้กับสื่อหลักอีกครั้ง นอกจากนี้ กรมประชาสัมพันธ์ได้เริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์เบื้องต้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นการแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS เป็นส่วนหนึ่งในการแจ้งเตือน เมื่อ Cell Broadcast มาจะสามารถกระจายการแจ้งเตือนครอบคลุมทุกเลขหมายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์น้ำท่วม หรือพายุ เหมือนกับในต่างประเทศ 

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนประชาชน ระวังมิจฉาชีพส่ง SMS ดูดข้อมูลส่วนตัว อย่าหลงเชื่อข่าวปลอมบนออนไลน์ อ้างเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังพบประชาชนเข้าแพลตฟอร์ม cofact.org ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อตรวจสอบข่าวเหตุการณ์ภัยพิบัติเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากกรณีการเกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ทำให้ประชาชนมีภาวะเครียด วิตกกังวล และต้องเผชิญภัยหลอกลวงจากมิจฉาชีพ เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าว ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข่าวปลอมจำนวนมาก สอดคล้องกับรายงานสถิติผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม cofact.org เพื่อตรวจสอบข่าวลวง พบมีประชาชนเข้าระบบตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับการรายงานเหตุการณ์ภัยพิบัติ อาคารสูงที่มีรอยร้าวจาก แผ่นดินไหว สอบถามข้อเท็จจริงผู้รับเหมาอาคารที่ตึกถล่ม กว่า 7,832 ราย นอกจากนี้ ยังพบอีกว่ามิจฉาชีพอาศัยสถานการณ์ ดังกล่าว ส่งลิงก์ผ่าน SMS และโพสต์ลิงก์ข่าวปลอม โดยอ้างว่าเป็นการแจ้งเตือนเหตุการณ์แผ่นดินไหว หากประชาชนรู้ไม่เท่าทันและเผลอกดลิงก์ดังกล่าว จะส่งผลให้มิจฉาชีพสามารถเข้าควบคุมเครื่องโทรศัพท์จากทางไกลได้ นำมาสู่ความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัว ส่งผลทำให้เกิดความสูญเสียตามมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง