นายกฯ ลั่นถ้าไม่หาต้นเหตุตึกถล่มให้ได้ ประเทศไทยจะอยู่ยาก สั่งการ 8 กระทรวงเร่งแก้ไขปัญหาทุกมิติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 13 ประจำปี 2568  วันอังคารที่ 1 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จากสถานการณ์ แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยได้รับผลกระทบทำให้สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานและระดมทุกสรรพกำลัง จากทั้งภาครัฐ เอกชนและอาสาสมัครในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวและรัฐบาลขอขอบคุณจากใจใน ทุกภาคส่วนถึงความเสียสละของทุกๆ ท่านที่ร่วมมือกันจนสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว   

แต่เพื่อเป็นการป้องกัน การเตรียมรับมือและมีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมืออุบัติภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ทุกประเภท ทั้งอุทกภัย สึนามิ ไฟป่า รวมถึงแผ่นดินไหว โดยสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการในการป้องกันภัยพิบัติต่างๆ โดยมีการแบ่งหน้าที่ และขั้นตอนต่างๆ อย่างชัดเจน (Flowchart) เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับมาเสนอภายในสิ้นเดือนนี้  และขอให้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการในการประสานงานกับทางกระทรวง DE กรมอุตุนิยมวิทยา และ กสทช. ในการส่งข้อความเตือนภัย ที่ชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้นให้มีการใช้ระบบ Virtual cell broadcast กับอุปกรณ์โทรศัพท์ทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ ระหว่างการรอระบบ Cell broadcast ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน กรกฎาคมนี้ เพื่อให้ระบบสื่อสารเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการเตือนภัยแก่สาธารณชนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งจากภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่างๆ เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นต้น แม้กระทั่งการรุกรานจาก cyber crime โดยให้ศึกษาในประเทศต่างๆ ที่มีบทเรียนที่ดีในเรื่องภัยพิบัติ   ต่างๆ  และให้ทางกรมโยธาธิการฯ เร่งออกมาตรการ ข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสูงทุกอาคาร เพื่อให้ได้มาตรฐาน โดยร่วมมือกับทาง กทม. และสมาคมที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญและควรจะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานและออกใบรับรองมาตรฐานอาคารเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ เร่งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ ที่มีความพร้อมในระบบเตือนภัย เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป นิวซีแลนด์และอิสราเอล โดยประสานผ่านสถานทูต เพื่อเชิญมาประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยให้เร็วที่สุด

ให้กระทรวงสาธารณสุข  วางแผนในการเตรียมการรับมือทั้งแพทย์ฉุกเฉิน เตียงสนามให้เพียงพอ รวมถึงจิตแพทย์ที่จะดูแลฟื้นฟูผู้ที่รับผลกระทบ

ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวฯ – สั่งการให้เร่งสื่อสารกับนักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย ให้ได้รับข้อความเตือนภัยและแผนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

ให้กระทรวงทรัพยากรฯ -ระดมนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยา เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะในมาตรการรับมือที่ถูกต้องและป้องกันภัยได้อย่างรัดกุมที่สุด รวมถึงการตรวจระบบอุปกรณ์เตือนภัยต่างๆ ที่เคยมีอยู่ให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติ เช่น ระบบเตือนภัยสึนามิ ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากยิ่งขึ้น

ให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งเพิ่มเติมหลักสูตรและแผนการรับมือภัยธรรมชาติ ในทุกรูปแบบให้กับนักเรียน นักศึกษาทุกระดับ

ให้กระทรวงคมนาคม เร่งตรวจสอบเส้นทางคมนาคม ทุกมิติให้มีความพร้อมในการให้บริการกับประชาชน รวมถึงตรวจสอบงานก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐาน สามารถรองรับภัยธรรมชาติต่างๆ ได้

ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกับ ปภ. เร่งสรุปมาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนดและให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง อย่างทั่วถึง รวมทั้งกระจายไปยังช่องทางต่างๆ ให้ครบถ้วนทั้งสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook หรือ LINE รวมทั้งให้ประสานขอความร่วมมือกับเอกชน ที่มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่สามารถขึ้นภาพได้ทันที เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์อย่าง ทั่วถึง

นายจิรายุ กล่าวต่ออีกว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้คณะกรรมการสืบหาต้นเหตุของตึกก่อสร้าง สตง.ถล่มในครั้งนี้ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานให้เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หากมีความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาคารก่อสร้างถล่มครั้งนี้ ต้องหาสาเหตุและ หาผู้รับผิดชอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะ อยู่ยาก ต้องมีผู้รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง