ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่าง พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่…) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …  และร่างพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ….  จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …  ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณา และได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ ดังนี้ 

1. แก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้ 

(1) แก้ไขวันใช้บังคับ โดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (เดิม ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา)

(2) แก้ไขบทนิยาม คำว่า “ผู้ประกอบธุรกิจ” โดยกำหนดให้มีความหมายรวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและเพิ่มบทนิยามคำว่า “กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล” และ “บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์”

(3) เพิ่มเติม ให้มีการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล และเพิ่มเติมให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการร่วมกับหน่วยงานอื่น เพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)

(4) เพิ่มเติมการกำหนดมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อคัดกรองจากข้อความที่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นข้อความที่เสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงซึ่งไม่ต้องกดเข้าไปอ่านเนื้อหาภายในข้อความนั้น เช่น ข้อความชักชวนให้เล่นการพนันออนไลน์ หรือข้อความที่หลอกลวงชักชวนให้นำเงินไปลงทุน (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)

(5) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรการด้านการระงับการให้บริการโทรคมนาคม โดยกำหนดให้ชัดเจนว่า เมื่อปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต้องแจ้งให้ สำนักงาน กสทช. สั่งให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น หรือผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ระงับการให้บริการโทรคมนาคม (เดิม กำหนดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือสำนักงาน กสทช. แล้วแต่กรณี สั่งระงับการให้บริการหมายเลขโทรศัพท์)

(6) เพิ่มเติมการระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์โดยกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อปรากฏข้อมูลว่ามีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)

(7) แก้ไขเพิ่มเติม การคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย โดยให้นำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายกำหนดไว้ในกฎกระทรวงและเพิ่มเติมการดำเนินการกรณีที่ไม่มีผู้เสียหายหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมายื่นคำร้องภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ครบกำหนดที่ต้องยื่นคำร้องคัดค้าน หรือมีเงินที่เหลือภายหลังจากได้คืนเงินแก่ผู้เสียหายแล้ว ให้เงินดังกล่าวตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (แต่ไม่ตัดสิทธิเจ้าของเงินที่จะขอรับเงินคืนจากกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)

(8) แก้ไขเพิ่มเติม การกำหนดภาระการพิสูจน์ของหน่วยงานเอกชนโดยให้หน่วยงานเอกชน มีภาระการพิสูจน์เพื่อไม่ต้องมีความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกำหนดโดยหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลแล้ว (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)

(9) เพิ่มบทกำหนดลงโทษกรณีผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงินและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ระวางโทษปรับ เนื่องจากเป็นนิติบุคคล เพิ่มบทกำหนดโทษกรณีที่ผู้แทนสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องรับผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิ่มบทกำหนดโทษกรณีที่ผู้ซื้อเลขหมายโทรศัพท์หรือผู้ขายเลขหมายโทรศัพท์ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการลงทะเบียนให้แก่ผู้ใช้บริการ ลงทะเบียนไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด (เดิม ไม่ได้กำหนดไว้)

2. ตัดหลักการที่กำหนดมาตรการห้ามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม Peer-to-Peer (P2P) และตัดการกำหนดบทกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนโดยซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม P2P

3. ตัดบทกำหนดโทษกรณีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นการพนันหรือพนันออนไลน์

4.เพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกำหนดให้มีหน้าที่ เช่น แจ้งรายชื่อบุคคลหรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

2. ร่างพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่…) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. กำหนดวันใช้บังคับโดยให้ร่างพระราชกำหนดฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

2. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักร แต่ให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ต้องได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลฯ

3. กำหนดลักษณะที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร เช่น มีการแสดงผลโดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นภาษาไทย สามารถเลือกชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท มีการรับชำระเงินผ่านบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย หรือมีเงื่อนไขให้ใช้กฎหมายไทยเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือกำหนดให้ดำเนินคดีในศาลไทย เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ความเห็นชอบด้วยกับร่างพระราชกำหนด จำนวน 2 ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง