นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมผู้แทนสำนักงานท่องเที่ยวต่างประเทศ จำนวน 34 ราย เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลประกาศให้ประเทศไทย เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 เพื่อยกระดับเรื่องการท่องเที่ยว ให้ทั่วโลกยอมรับเพิ่มมากขึ้น และให้เห็นประเทศไทยในมิติใหม่ ๆ มีตัวเลือกมากขึ้น มุ่งยกระดับให้เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ที่สำคัญรัฐบาลพยายามประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้ว่าประเทศไทยเที่ยวได้ทุกเดือน ตามฤดูกาลต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ มีความชื่นชอบแตกต่างกันไป เช่น บางประเทศชอบฤดูฝน เพราะประเทศที่ไม่ค่อยมีฝน ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย รัฐบาลได้พยายามทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมียอดตัวเลขภาคการท่องเที่ยวลดลง รัฐบาลได้พยายามดำเนินการเร่งขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว แต่ประสบปัญหาเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร่วมกันสร้างการรับรู้ว่า ประเทศไทยไม่ได้มีส่วนเสียหายในจุดสำคัญต่างๆ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ยังมีความปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สิ่งสำคัญคือการทำให้ตัวเลขภาคการท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น
นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วต้องดูในเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยว (spending purchase) จะต้องทำให้นักท่องเที่ยวเลือกมาท่องเที่ยวในประเทศไทย อาทิ มาเพื่อรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นการมาพักผ่อนระยะยาว มาเพื่ออาศัยอยู่ช่วงเกษียณ หรือการเข้ามาเพื่อทำงานของกลุ่ม Digital Nomad จำเป็นจะต้องประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้มีความหลากหลาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความชอบและความสนใจไม่เหมือนกัน รวมทั้งต้องมุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว Luxury เพิ่มการอำนวยความสะดวกมากขึ้น การบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างครบวงจร เพื่อรองรับภาค การท่องเที่ยวจะต้องร่วมกันวางแผนเพิ่มจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว หลังจากที่ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลงว่า จะสามารถทำให้ยอดนักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างไร รวมถึงการตั้งระบบการเดินทาง เช่น เรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ขอให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกัน โดยตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวให้เทียบเท่ากับรายได้การท่องเที่ยวในปี 2562 ที่สร้างรายได้จำนวนเกือบ 2 ล้านล้านบาท
โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย แนวโน้มด้านการท่องเที่ยว และตลาดกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งกลุ่มตลาด 20 อันดับแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด เปรียบเทียบช่วงก่อนโควิดและปัจจุบัน/ความแตกต่าง เพิ่มขึ้น-ต่ำลง นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณา New KPI and New Value Based Strategy และแนวทางการจัดทำกลยุทธ์และแผนการตลาด เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง
นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาและมีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามและผลักดันการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบมีวัตถุประสงค์ โดยเน้นแรงจูงใจ ผลิตภัณฑ์ และซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะด้านการให้บริการและอาหาร จำเป็นต้องใช้จุดแข็งเหล่านี้ในการพัฒนาและต่อยอด ขอให้ทุกภาคส่วน พูดคุยหารือกับภาคเอกชน เพื่อทราบปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน หากมีการดึงการลงทุนเข้ามา รัฐควรพิจารณามาตรการสนับสนุนที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การหาตลาดใหม่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ การดำเนินโครงการร่วมกับ OTA โดยให้ภาคเอกชนในพื้นที่การท่องเที่ยวมีส่วนร่วมและเสนอแนะแนวทางแก่ภาครัฐ ถือเป็นการเปิดรับความรู้ใหม่ๆ จากมุมมองที่แตกต่างกัน
นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น เทศกาล “ดิวาลี” (Diwali) ซึ่งเป็นเทศกาลที่ร่ำรวยวัฒนธรรม ทั้งด้านอาหาร ศิลปะการเพ้นท์และกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขยายพื้นที่การลงทุนและสร้างแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุ กรมทางหลวง (HTOC) โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง ร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสรุปภาพรวมการเตรียมความพร้อมของการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ของกรมทางหลวง จากนายพงษ์พันธ์ จั่นเงิน รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมทางหลวง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง และจากพันตำรวจเอก สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในช่วงวันหยุดยาว เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้ กับประชาชน ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องร่วมมือกันอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางพิเศษที่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ เพื่อจะช่วยลดปริมาณรถและประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ เส้นทางและมาตรการต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในเรื่องของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวเป็นช่วงเวลาที่มีการสังสรรค์ พร้อมทั้งแนะนำทางเลือก สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกนำรถยนต์ส่วนตัวไป ขอให้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งสามารถช่วยลดความแออัดบนท้องถนนได้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ จึงอยากให้มีการประชาสัมพันธ์และแนะนำทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชนได้รับทราบอย่างครบถ้วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงวันหยุดนี้และขอให้ดูแลสุขภาพในช่วงที่ต้องปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ขออวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย ให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และเดินทางโดยสวัสดิภาพ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อยการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 บริเวณ ท้องสนามหลวง โดยมีพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการปล่อยแถว
นายกรัฐมนตรี รับฟังการบรรยายพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรมรักษาความสงบเรียบร้อยการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เสียสละเวลาช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอาชญากรรมสิ่งผิดกฎหมาย จะต้องไม่ให้เล็ดลอดสายตา เพราะการปราบปรามอาชญากรรมสิ่งผิดกฎหมาย จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้และทำให้ข่าวลือต่างๆ ของประเทศลดลง
รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ทุกๆ นาย ทำหน้าที่ดูแลปกป้องประชาชน และประเทศด้วยความเข้มแข็ง ถูกต้องและชัดเจน เพื่อทำให้คนทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย ขอส่งกำลังใจให้กับทุกนาย
มีร่างกายที่แข็งแรงและใจที่เข้มแข็งและขอสวัสดีปีใหม่ไทย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทักทาย ให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีปล่อยแถวประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองกำลังตำรวจนครบาล จำนวน 820 นาย หน่วยสนับสนุนและหน่วยร่วมปฏิบัติ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โรงพยาบาลตำรวจ เทศกิจของกรุงเทพมหานคร และอาสาสมัครจำนวน 180 นาย รวมกำลังพลทั้งสิ้นจำนวน 1,000 นาย
ทั้งนี้ พิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อยการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 เป็นการตรวจสอบความพร้อมอุปกรณ์กำลังพลยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์และอัตรากำลังของหน่วยร่วมปฏิบัติ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก กองกำลังตำรวจนครบาลจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนโครงการ Thailand Summer Festivals 2025