นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานถึงสถิติการรณรงค์ ป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงมากกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลพี่น้องประชาชนในทุกมิติ เห็นผลได้ถึงการกวดขันและรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรมจนทำให้สถิติลดลงและขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนจนกว่าจะจบเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานถึงการปฏิบัติการของตำรวจทั่วประเทศและศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยรายงานผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เปรียบเทียบของวันที่ 14 เมษายน 2568 (วันที่ 4 ของการควบคุมเข้มข้น)กับวันที่ 14 เมษายน 2567 พบว่า สถิติลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่าร้อยละ 20 การเกิดอุบัติเหตุ 317 ครั้ง ลดลง 76 ครั้ง (คิดเป็น 23.97%) ผู้บาดเจ็บ 319 คน ลดลง 70 คน (คิดเป็น 21.94%) ขณะที่ผู้เสียชีวิต 40 ราย ลดลง 6 ราย (คิดเป็น 15%)
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 15 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันที่ห้าการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 15 เมษายน 2568 ดังนี้ เกิดอุบัติเหตุ 214 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 209 คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วร้อยละ 36.92 ดื่มแล้วขับร้อยละ 31.31 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 20.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.32 (บนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.38, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.45, ถนนในอบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.18, ถนนกรมทางหลวงชนบท ร้อยละ 14.95) ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01 – 21.00 น. ร้อยละ 22.90, เวลา 15.01 – 18.00 น. ร้อยละ 20.56 และเวลา 00.01 – 03.00 น. ร้อยละ 13.55 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 20.34 กำหนดจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,764 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,039 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (10 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (13 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก (3 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (11 เมษายน – 15 เมษายน 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,216 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,208 คน ผู้เสียชีวิต รวม 171 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง (47 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (15 ราย)
นายจิรายุ กล่าวว่า รัฐบาลยังคงเน้นย้ำมาตรการ การให้การดูแลและควบคุมเข้มข้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชน ไม่ดื่มแล้วขับ เคารพกฎจราจร เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และขอให้ตระหนักว่า เพียงเสี้ยววินาทีแห่งความประมาท อาจหมายถึงการสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนได้
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเน้นย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดช่วงการเดินทางในวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยกำชับให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จากข้อมูลการเดินรถพบว่า มีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เที่ยวไป จำนวน 33,170 คน เที่ยวกลับ จำนวน 56,362 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 89,532 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) เที่ยวไป จำนวน 2,789 เที่ยว เที่ยวกลับ จำนวน 3,107 เที่ยว รวมทั้งสิ้น จำนวน 5,896 เที่ยว
ทั้งนี้ ในช่วงวันเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 15 –17 เมษายน 2568 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 100,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) ประมาณวันละ 4,800 เที่ยว โดย บขส. ได้กำชับให้นายสถานีเดินรถทั่วประเทศ เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางในเที่ยวกลับเข้ากรุงเทพฯ จัดรถโดยสารและพนักงานขับรถให้เพียงพอพร้อมบริการประชาชน พร้อมเน้นย้ำ พนักงานขับรถของ บขส. และรถร่วมฯ ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้บริการผู้โดยสารเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
ในส่วนของการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ รถโดยสารของ บขส. ทุกคันจะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประตู 3 เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีแดง รถเมล์และแท็กซี่ ขณะเดียวกัน ได้ร่วมกับ ขสมก. จัดรถเมล์ให้บริการภายในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 รวม 15 เส้นทาง และจัดรถ Shuttle Bus เชื่อมต่อระหว่างหมอชิต 2 กับ BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร ให้บริการตั้งแต่ 04.00 – 22.00 น. ขอความร่วมมือผู้ประกอบการแท็กซี่เข้าจอดรับผู้โดยสารในจุดที่กำหนด เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และเป็นระเบียบเรียบร้อย
นายอนุกูล ระบุว่า รัฐบาลกำชับให้ทุกหน่วยงานด้านคมนาคมและขนส่งสาธารณะ พร้อมบริการประชาชน โดยยึดความปลอดภัยและความสะดวกเป็นสำคัญเพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการมาใช้บริการ ทั้งนี้ บขส. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตรวจความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถทุกเที่ยว ทั้งผ่านการ Checklist และจุดตรวจ (Checking Point) โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง ประตูฉุกเฉิน พร้อมตรวจสารเสพติดและวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องมีค่าเป็นศูนย์และกำหนดให้รถโดยสารใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ต้องจัดพนักงานขับรถ 2 คน สำหรับเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาให้ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เน้นย้ำมาตรการคุมเข้มโค้งสุดท้ายเทศกาลสงกรานต์ 2568 เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่และผู้ถูกคุมความประพฤติ ร่วมสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวก เสริมความปลอดภัยให้ประชาชนช่วงเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกระตุ้นเตือนผู้ถูกคุมความประพฤติฐานความผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก (ขับรถในขณะเมาสุรา ขับเสพ ขับรถประมาท และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด) ร่วมสังเกตพฤติกรรมการขับขี่ผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) แบบเรียลไทม์ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ขับเคลื่อนมาตรการเชิงป้องกัน แก้ไขพฤติกรรมผู้ขับขี่ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน
จากการดำเนินมาตรการควบคุมเข้มข้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (15 เมษายน 2568) ศาลมีคำสั่งคุมความประพฤติ 418 คดี แบ่งเป็น
- ขับรถขณะเมาสุรา 403 คดี (ร้อยละ 96.41)
- ขับรถประมาท – คดี (ร้อยละ 0.00)
- ขับซิ่ง – คดี (ร้อยละ 0.00)
- ขับเสพ 15 คดี (ร้อยละ 3.59)
- ยอดคดีสะสมช่วงควบคุมเข้มข้น 11 – 15 เมษายน 2568 รวม 3,716 คดี ติดอุปกรณ์ EM รวม 25 ราย
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่การคุมความประพฤติวันที่ 5 ของปี 2567 พบว่า มีคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 236 คดี และ ปี 2568 มีจำนวน 403 คดี เพิ่มขึ้น 167 คดี ซึ่งจังหวัดที่มีคดีเมาขับสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 295 คดี นนทบุรี 242 คดี และสมุทรปราการ 226 คดี
นอกจากนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศยังเปิดทำการรับคดีและให้คำแนะนำแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติตลอดช่วงสงกรานต์ พร้อมสนับสนุนจุดบริการประชาชน ด่านตรวจค้น / ด่านชุมชน รวม 23 จุด มีผู้ปฏิบัติงานรวมทั้งสิ้น 130 ราย และกิจกรรมร่วมสังเกตพฤติกรรมการขับขี่ผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) แบบเรียลไทม์ โดยมีสำนักงานคุมประพฤติ 24 แห่ง ได้นำผู้ถูกคุมประพฤติ เข้าร่วม จำนวน 112 ราย