นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายกฯมาเลเซีย สันติสุขชายแดนใต้ ความร่วมมืออาเซียน นโยบายภาษีสหรัฐอเมริกา

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการหารือทวิภาคี กับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ที่ ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับการสร้างสะพานสุไหงโก-ลก ที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2570 (ค.ศ.2027) ส่วนความสงบสุขในภาคใต้ที่ขอความร่วมมือประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งจะมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ เพื่อเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า ให้มีการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและเป็นความร่วมมือซึ่งกันและกัน ส่วนคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนใต้นั้น คณะทำงานจะสนับสนุนกันมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง ขอให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น เพราะหากไม่มีการพูดคุยในทุกระดับ เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทาย จึงได้เน้นย้ำให้ทุกระดับคุยกันให้ชัดเจนและยังให้ประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยการหลักอยู่

นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องภาษี หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ว่าในกลุ่มประเทศอาเซียนจะสามารถร่วมมือกันได้อย่างไรบ้าง เพราะประชากรอาเซียนมีจำนวนมากและแต่ละประเทศมีทางออกอย่างไร เพื่อทำงานในแต่ละส่วนของประเทศนั้นๆ และจะมีการประชุมอาเซียน ในฐานะที่ประเทศมาเลเซียเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด แต่ไทยยืนยันว่าพร้อมจะร่วมมือกับอาเซียน พร้อมแสดงจุดยืนที่ไม่เน้นความรุนแรง เน้นความสงบสุขเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับหลายคนแล้ว ถือเป็นประโยชน์ที่สามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาก็อยากได้ความคิดเห็นจากประเทศไทยเช่นกัน ส่วนการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ได้มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เจรจากับผู้แทนจากฝั่งสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเป็นระดับรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน โดยจะเดินทางในวันที่ 23 เมษายนนี้ ทั้งนี้ มั่นใจว่า ข้อเสนอของไทยมีความแข็งแรง รวมถึงไทยและสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนาน คิดว่าผลการเจรจาจะเป็นบวก

รัฐบาลเน้นย้ำมาตรการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยสนับสนุนภาคเอกชนในการลงทุนที่ต่างประเทศด้วย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ แต่เป็นความตั้งใจที่จะสนับสนุน เพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายทักษิณ ก็อัพเดทว่าได้พูดคุยกับใครบ้างเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาและมีทิศทางอย่างไร และตนเองสมัยเด็กเคยเจอกับครอบครัวของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประเทศไทย คิดว่าสามารถคุยกันได้ถึงประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

ส่วนได้ประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องมีการปรับตัว เพราะภาษีต่างๆ ยังไม่ได้มีการปรับปรุงใหม่ ตัวเลขอาจจะคลาดเคลื่อน จึงต้องรอในรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจ ว่าตนเองเคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน ไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ แต่จะพยายามพูดคุยและรัฐบาลดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง