นายกฯ ไทย – มาเลเซีย หารือทวิภาคี เน้นการพัฒนาความเชื่อมโยงชายแดน การค้าการท่องเที่ยว ยกระดับความร่วมมือในเวทีอาเซียน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสการเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย – มาเลเซีย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีไทยและมาเลเซีย ยินดีต่อความสัมพันธ์และความร่วมมืออันยาวนานระหว่างไทย – มาเลเซีย และยินดีที่ไทยและมาเลเซียสามารถลงนามความตกลงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก – ลก โดยจะเป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งข้ามแดน รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าบริเวณชายแดนไทย – มาเลเซีย

นายกรัฐมนตรีขอบคุณมาเลเซียที่แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทย และกล่าวชื่นชมบทบาทของมาเลเซีย ในการประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซีย ยังเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือเมียนมาในการจัดการกับปัญหาภัยพิบัติและความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์กับเมียนมาและเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะนำไปสู่พัฒนาการเชิงบวกในเมียนมาที่สอดคล้องกับฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

สำหรับประเด็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อการยุติการใช้การกระทำ ที่รุนแรงและส่งเสริมให้มีการพบปะหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและของกลุ่มที่เห็นต่างในเบื้องต้น (Pre-talk) โดยนายกรัฐมนตรียืนยันความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขต่อไป และยังกล่าวชื่นชมมาเลเซียซึ่งมีบทบาทนำในองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation-OIC) หวังว่ามาเลเซียจะช่วยหารือร่างมติที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดชายแดนใต้กับฝ่ายไทย ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม OIC เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ ด้านมาเลเซียยืนยันจะไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใช้ประเทศเป็นที่หลบซ่อนและพร้อมให้ความร่วมมือตามกระบวนการยุติธรรมของไทย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นการดำเนินการในระดับประเทศและการยกระดับความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อรับมือกับมาตรการด้านภาษีจากสหรัฐฯ โดยหวังว่าประเทศในอาเซียนจะร่วมกันผลักดันในกรอบอาเซียน เพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก – ลก เชื่อมระหว่างอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยผู้แลกเปลี่ยนฝ่ายไทยคือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับ ดาโตะ อเล็กซานเดอร์ นันตา ลิงกี (Dato Sri Alexander Nanta Linggi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการมาเลเซีย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ซึ่งได้หารือใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่

1) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก – ลก แห่งที่สอง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในประมาณปี 2027

2) ด้านความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ขอความร่วมมือทางมาเลเซีย ซึ่งจะเน้นการพัฒนาพื้นที่ เน้นเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอาหารฮาลาล แนวทาง Twin city ไทย – มาเลเซีย ซึ่งเห็นพ้องร่วมกันว่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ เกิดความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น และทั้งสองประเทศต่างไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงและต้องการให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ กรณีความคืบหน้าเรื่องการพูดคุยสันติสุขในภาคใต้ คณะทำงานของแต่ละฝ่ายได้ส่งเสริมจัดให้มีการพบปะหารือระหว่างระดับต่างๆ เช่น ในระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและกลุ่มต่างๆ 

3) ประเด็นภาษีสหรัฐฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งได้คุยกันในส่วนของอาเซียนว่าจะสามารถรวมพลังกันได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากอาเซียนมีความแข็งแรง มีประชากรจำนวนมาก อีกทั้งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยังดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ด้วย โดยมีการเน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียนในการแก้ไขประเด็นดังกล่าว ซึ่งไทยได้ยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับอาเซียนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ กรณีการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลเน้นการเจรจาที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์กับทั้งสองประเทศเป็นหลัก โดยเน้นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย – สหรัฐฯ ที่มีมายาวนาน และรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าการหารือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในวันที่ 23 เมษายน 2568 นี้จะเกิดผลดี ขณะเดียวกันรัฐบาลยังได้เตรียมความพร้อมและมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบและพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนในการลงทุนในต่างประเทศด้วย จึงขอให้มั่นใจได้ว่า รัฐบาลดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่ทุกมิติ

สำหรับการเยือนไทยของ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีเป้าหมายเพื่อหารือและติดตาม รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซียให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และมีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568

ประเด็นสำคัญ นอกจากจะหารือและติดตามความคืบหน้าในโครงการพัฒนาด้านต่างๆ แล้ว ยังหารือเพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่าง 10 ประเทศ ตามกรอบข้อตกลงต่าง ๆ ในที่ประชุมหลายระดับในภูมิภาค  ซึ่งที่ผ่านมานักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในอาเซียน ปี 2568 นี้จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่โดดเด่นด้วยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งทั้ง 10 ประเทศมีประชากรรวมกันกว่า 670 ล้านคน และมีการค้าขายระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออกสินค้าที่หลากหลาย เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภค/บริโภค และสินค้าไฮเทค

ทั้งนี้ การหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน จะทำให้ ภูมิภาคอาเซียนมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเจรจาในทุกมิติกับประเทศนอกอาเซียน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง