สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ผู้นำประเทศจากทั่วโลกต่างแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งสิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันจันทร์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ในที่พำนักซานตามาร์ตา ภายในนครรัฐวาติกัน ขณะมีพระชนมพรรษา 88 พรรษา หลังมีพระอาการประชวรด้วยโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจหยุดเต้น โดยก่อนหน้านี้ ทรงเข้ารับการรักษาพระอาการอักเสบที่พระปัปผาสะ หรือปอด และประทับรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี เป็นเวลา 38 วัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวยกย่องว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็น “บุคคลที่เปี่ยมด้วยเมตตา” และสั่งให้สถานที่ราชการทั่วสหรัฐฯ ลดธงครึ่งเสา เพื่อถวายความอาลัย ขณะที่ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงยืนหยัดเคียงข้างผู้เปราะบางด้วยความถ่อมพระองค์ตลอดช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งทั่วโลก ส่วนประธานาธิบดี ฮาเวียร์ มิเลย์ ผู้นำอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับพระองค์ แม้ทั้งสองจะมีความเห็นต่างกันในบางประเด็น
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X และ เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ในนามของประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส @Pontifex ด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งความเมตตา ความกล้าหาญทางศีลธรรม ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความมุ่งมั่นในการสร้างสันติภาพ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนจำนวนมากจากทุกศาสนาและทุกมุมโลก ประเทศไทยขอร่วมกับประชาคมโลก ในการไว้อาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้เป็นดั่งแสงนำทางแห่งมวลมนุษยชาติ ขอพระองค์ทรงสถิตในสัมปรายภพอันสงบสุขตลอดนิจนิรันดร์
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น “พระสันตะปาปาแห่งประชาชน” โดยเบื้องต้น สำนักงานวาติกัน เปิดเผยว่า จะเคลื่อนพระบรมศพไปประดิษฐาน ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในวันพุธนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าสักการะ ขณะที่พิธีฝังพระบรมศพจะมีขึ้นระหว่างวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์นี้
